แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ญี่ปุ่น แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ญี่ปุ่น แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวเกียวโต ปราสาท พิพิธภัณฑ์ และอื่นๆ

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เกี่ยวกับปราสาทและพิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้ง ตลาด สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและบันเทิง สวนและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้ๆ เมือง ที่เกียวโต ญี่ปุ่น


ภาพจาก www.jackmanescapades.net

ปราสาทและพิพิธภัณฑ์
ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)
ปราสาทเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1603 เป็นด่านปราการป้องกันตัวพระราชวังนิโนมารุ (Ninomaru Palace) และพระราชวังฮอนมารุ (Honmaru Palace) ในชั้นใน ขึ้นชื่อเรื่องสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่อันสวยงามตระการตา และงานสถาปัตยกรรมภายใน

พระราชวังหลวงแห่งนครเกียวโต (Kyoto Imperial Palace)
พระราชวังแห่งนี้ถูกบูรณะขึ้นใหม่เมื่อราว 50 ปีก่อน เนื่องจากตัวพระราชวังเดิมถูกทำลายลงไปมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

พิพิธภัณฑ์ศิลปะโฮโซมิ (Hosomi)
จัดแสดงงานพุทธศิลป์และเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้านโบราณ รวมไปถึงอุปกรณ์ชงชาอันลือชื่อ

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต (Tokyo National Musuem)
จัดแสดงงานศิลปะต่างๆ และทรัพย์สมบัติของชาติตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยมีการหมุนเวียนการจัดแสดงไปเรื่อยๆ

แหล่งช้อปปิ้ง ตลาด สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและบันเทิง
สถานที่เที่ยวยามค่ำคืน กิออน (Gion District)
ย่านเกอิชาโบราณ ในช่วงเวลาเย็นจะเป็นแหล่งที่รวบรวมศิลปะการแสดงทุกแขนงที่ดีที่สุดของเกียวโตไว้ในที่เดียว ทั้งหุ่นละครมือ การแสดงรำของเกอิชา การร้องเพลง ละครตลก การจัดดอกไม้ ฯลฯ

ถนนฮานามิ-โคจิ (Hanami-koji Street)
ขึ้นชื่อว่าเป็นสีสันแห่งเกียวโต ถนนหลักของย่านกิออนที่จะไปสุดสายที่วัดเคนนิจิ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านกินดื่ม โรงน้ำชา และร้านค้าของที่ระลึกที่ยังอยู่ในลักษณะบ้านเรือนแบบเก่า เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งที่พลาดไม่ได้

ย่านทอผ้านิชิจิน (Nishjin)
แหล่งผ้าทอในบรรยากาศบ้านโบราณอายุกว่า 100 ปี

แหล่งช้อปปิ้งชิโจ (Shijo-Dori)
เป็นเขตห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมาย มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่เครื่องไฟฟ้า เสื้อผ้าแฟชั่นไปจนถึงของที่ระลึก

ตรอกปอนโตโช (Pontocho)
ตรอกยาวขนานแม่น้ำคาโมะ (Kamo River) ถนนสายเกอิชาและสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนประจำเมืองมาแต่อดีต

ถนนสายกาน้ำชาและวัฒนธรรมฮิกาชิยามะ (Higashiyama-historic district)
แต่เดิมเคยเป็นแหล่งเครื่องปั้นดินเผา ตั้งอยู่ใกล้กับวัดน้ำใส ปัจจุบันเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและขนมพื้นเมือง บ้านเรือนในแถบนี้ยังเป็นลักษณะแบบเก่า มากไปกว่านั้นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นก็นิยมแต่งชุดกิโมโนมาเดินบนถนนเส้นนี้ด้วย

ตลาดอาหารนิชิกิ (Nishiki Market-fresh food market)
ตลาดนัดอาหารสดขนาดใหญ่ที่มีทั้งอาหารและขนมพื้นเมืองให้เลือกมากมาย เป็นตลาดเก่าอายุกว่า 400 ปี เจ้าของฉายา “ห้องครัวแห่งเกียวโต”

สวนและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้ๆ เมือง
ทางเดินนักปราชญ์ (The Philosopher’s Path)
เป็นเส้นทางเดินเท้ากว่า 2 กิโลเมตรเชื่อมต่อระหว่างวัดเงินและวัดนันเซนจิ ทางเดินแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นซากุระนับร้อยต้น ซึ่งจะบานในช่วงเดือนเมษายน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ เทศกาลฮานามิ (Hanami)

อะราชิยาม่า (Arashiyama)
เมืองเล็กๆ ชานเมืองเกียวโต มีธรรมชาติสวยงามขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางรถไฟอันแสนโรแมนติก

บ่อน้ำร้อนฟูนาโอกะ (Funaoka Onsen)
บ่อน้ำพุร้อนและสปาแบบญี่ปุ่นที่เป็นลักษณะบ่อน้ำกลางแจ้งมีบ่อสมุนไพรและการบำบัดต่างๆ

เที่ยวเกียวโต เมืองมรดกโลก เมืองแห่งวัดและศาลเจ้า

รวบรวมสถานที่น่าไปเยือนของ “เมืองเกียวโต” กรุงเก่าแห่งญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัยมาฝาก หากใครคิดจะแบกเป้ฉายเดี่ยวไปเที่ยวเมืองซามูไรคราวนี้ด้วยตนเอง เรามีรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ ที่คุณไปเองก็ได้ไม่ต้องพึ่งไกด์ทัวร์

เมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นในอดีต ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันตกหรือ “คันไซ” บนเกาะฮนชู เมืองเกียวโตมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่บ้านเมืองแบบเก่าและเป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นโบราณ

ฤดูกาลท่องเที่ยว เกียวโตสามารถเที่ยวได้ทั้งปี เพราะนอกจากจะได้ชมธรรมชาติสวยงามในฤดูกาลต่างๆ แล้ว เกียวโตยังมีเทศกาลและงานท้องถิ่นมากมายตลอดปีที่น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งที่เที่ยวแนวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองนี้ก็สามารถมาเยือนได้ตลอดปีอีกด้วย


วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple)
Ninna-ji, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
วัดมรดกโลก วัดแห่งศาสนาพุทธขนาดใหญ่ ก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 886 เป็นวัดที่จักรพรรดิยูดะ (Emperror Uda) เคยมาผนวช เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธลัทธิโอมูระ ชินกอน (Omura Shingon) วัดนี้เคยถูกเผาทำลายในช่วงสงครามโอนิน (Onin War) และได้รับการบูรณะใหม่ราว 150 ปีที่ผ่านมา สิ่งก่อสร้างดั้งเดิมที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน คือ เจดีย์ 5 ชั้น ลวดลายบนกำแพงวัด และสวนเชอรี่แคระ นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ก็ยังเคยเป็นพระราชวังเก่าในอดีตอีกด้วย

วัดคิโยมิสึ (Kiyomizudera Temple) หรือวัดน้ำใส
Kiyomizudera, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
รู้จักกันในนามวัดน้ำใส เพราะเป็นทางผ่านของทางน้ำแห่งน้ำตกโอโตวา (Otowa Waterfall) ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และภายในวัดก็มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่รองรับน้ำจากน้ำตกไว้ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้มาตักดื่มเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 798 และได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1633 วัดแห่งนี้มีจุดเด่นเรื่องสิ่งก่อสร้างระเบียงไม้ขนาดใหญ่โตสวยงามโอ่อ่าในเขตวิหารหลัก ที่ก่อสร้างโดยมิได้ใช้ตะปูสักตัวเดียวจนทำให้วิหารและระเบียงแห่งนี้ได้ขึ้นเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1994 นอกจากนั้นในบริเวณสวนของวัดยังมีต้นซากุระกว่าพันต้น เป็นจุดชมซากุระบานยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
Fushimi Inari Shrine, Tokyo, Japan
ที่ตั้ง
ศาลเจ้ายอดนิยมอีกแห่งที่สร้างขึ้นโดยชาวนาท้องถิ่นเพื่อถวายเทพเจ้าจิ้งจอก (เทพเจ้าแห่งธัญพืช) ในราวปีค.ศ. 711 และยังเป็นที่พำนักของพระแม่โพสพตามความเชื่อท้องถิ่นที่ช่วยให้การเกษตรของเมืองอุดมสมบูรณ์ จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ คือ แนวประตูไม้โทริอิสีแดงที่เรียงรายนับพันต้น ซึ่งนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากได้มากราบไหว้ขอพรและสร้างเสาแนวประตูถวายจะช่วยให้กิจการสำเร็จสมหวัง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีแนวประตูยาวไปถึงยอดเขาร่วม 4 กิโลเมตร แนวประตูโทริอินี้ถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมอีกแห่งของเกียวโตเลยทีเดียว

วัดซันจูซันเก็นโดะ (Sanjusangendo Temple)
Sanjusangendo, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1164 โด่งดังเรื่องรูปแกะสลักขนาดเท่าคนจริงของแม่พระโพธิสัตว์กวนอิมที่แกะสลักจากไม้ฉาบทองในปางต่างๆ เป็นจำนวน 1,001 ปาง (องค์) ประดิษฐานในวิหารยาวกว่า 120 เมตร เชื่อกันว่าเป็นงานศิลปะในศตวรรษที่ 12 และวิหารไม้แห่งนี้ถือเป็นวิหารไม้ที่ยาวที่สุดของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นพระประธานในวิหารแห่งนี้ยังเป็นงานแกะสลักรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันกรโดยช่างฝีมือโบราณชื่อดัง ตันเกอิ (Tankei) ในปี ค.ศ. 1264 และบริเวณด้านหน้ายังมีงานแกะสลักเทพเจ้าต่างๆ ในศาสนาฮินดู 28 องค์ และเทพเจ้าตามความเชื่อของญี่ปุ่นอีก 2 องค์ โดยงานแกะสลักทั้งหมดนี้เป็นศิลปะสมัยคามาคุระ (Kamakura) หรือราวศตวรรษที่ 12-13

วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือวัดทอง
Kinkakuji, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
วัดประจำนิกายเซนชื่อดังประจำเมืองอีกแห่งที่มีศาลาที่ตกแต่งด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ์ตั้งอยู่กลางสระน้ำในสวนสวย เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองเกียวโต เคยเป็นที่ประทับของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิตสึ (Ashikaga Yoshimitsu) ในปี ค.ศ.1397 วัดแห่งนี้คนไทยเรารู้จักกันอย่างกว้างขวางเพราะเคยกล่าวถึงในการ์ตูนเณรน้อยเจ้าปัญญา “อิกคิวซัง” ที่มักมาเล่นทายปริศนากับท่านโชกุนโยชิมิตซึ เดิมทีวัดแห่งนี้เป็นบ้านพักตากอากาศของรัฐบุรุษไซออนจิ คิซึเนะ (Sionji Kitsune) และโชกุนโยชิมิตซึได้ขอซื้อเพื่อเป็นที่ประทับ และได้รับการเปลี่ยนเป็นวัดหลังจากพระองค์สวรรคตไปแล้ว

วัดและศาลเจ้า
วัดเรียวอันจิ (Ryoanji)
ขึ้นชื่อเรื่องสวนหินอันสวยงามแปลกตาที่สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 15

วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple)
วัดนิกายเซนแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น เป็นวัดมรดกโลก ขึ้นชื่อเรื่องสวนญี่ปุ่นสวยงาม

วัดโฮโกนิน (Hogonin Temple)
วัดเก่าแต่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1461 ในยุคเอโดะ ตั้งอยู่ภายในเขตของวัดเท็นริวจิ ขึ้นชื่อเรื่องสวนต้นเมเปิลขนาดกว้างใหญ่ ซึ่งสามารถเข้าชมสวนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมถึง 30 มิถุนายน

วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) หรือวัดเงิน

เป็นวัดคู่กับวัดคินคะคุจิ

วัดโคอินซาน ไซโฮจิ (Koinzan Saiho-ji) หรือวัดสวนมอส
วัดที่ปกคลุมไปด้วยมอสพันธุ์ต่างๆ มากกว่า 120 ชนิด ซึ่งเหมาะแก่การมาเยือนในช่วงฤดูฝนราวเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม

วัดโทจิ (Toji Temple)

วัดเก่าที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 796 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้ขนาดใหญ่ วัดแห่งนี้โด่งดังเรื่องเจดีย์ไม้ 5 ชั้นที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

วัดเคนนินจิ (Kenninji Temple)

วัดเซนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

ศาลเจ้าจินชู (Jinshu Shrine)

ศาลเจ้าแห่งความรักตั้งอยู่ในเขตวัดน้ำใส มีหินแห่งความรักตั้งอยู่ 1 คู่ มีความเชื่อกันว่าหากหลับตาแล้วเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะพบรักแท้ในเร็ววัน

การเดินทางจากประเทศไทย สามารถเดินทางโดยเครื่องบินไปลงที่เมืองโอซาก้าโดยสะดวก

การ เดินทางในเมืองและการเดินทางมาจากโอซาก้า มีบริการทั้งรถไฟและรถบัสเพื่อเดินทางมายังเกียวโต แต่ถ้าหากอยากจะแวะเที่ยวชมสถานที่เที่ยวต่างๆ ในโอซาก้าและระหว่างทาง การเช่ารถขับก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย เพราะถนนหนทางสามารถขับได้โดยง่าย สนใจเช่ารถขับ

ที่พักในเมืองเกียวโต ในเมืองเกียวโตมีที่พักหลายแบบและหลายระดับ โดยเฉพาะที่พักแนวบ้านญี่ปุ่นแบบเก่าที่ปรับปรุงมาเป็นบูติคโฮเต็ลนั้นกำลัง เป็นที่นิยมอย่างสูง ดูรีวิวและหาห้องพักถูกใจในแบบต่างๆ

 ที่มา Skyscanne.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

10 เรื่องจริง (แปลก) ที่คุณอาจจะยังไม่รู้ เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น

รวมเรื่องแปลกๆ ของประเทศญี่ปุ่น ที่เมื่อได้อ่านแล้วอาจจะทำให้เรารู้สึกอึ้งในความมีวินัย ปฎิบัติตามกฏ และมีระเบียบสุดๆ ของพวกเค้า รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ ลองอ่าน

ภาพจาก www.knitsbysachi.com

1. ลืมของไว้ที่ไหน ได้คืนแน่นอน
ถ้าลืมของไว้ที่ร้านอาหาร หรือข้างทาง ไม่ต้องกลัวว่าจะหาย สองวันผ่านไปมันจะยังคงอยู่ที่เดิม (หรือทางร้านจะเก็บไว้ให้) เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ ถ้าไปญี่ปุ่นแล้วเห็นมีหมวก ผ้าพันคอ กระเป๋า แขวนตามต้นไม้ เพราะคนที่เก็บได้เขาจะนำมาแขวนไว้ใกล้ๆ กับที่มีคนทำตกเพื่อให้เจ้าของกลับมาตามหาเจอ

2.เวลาจะข้ามถนน จะข้ามเฉพาะทางม้าลายเท่านั้น
ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะถนนจะโล่งแค่ไหน หรือจะเป็นตอนดึกที่ถนนว่างไม่มีรถซักคันแค่ไหน คนญี่ปุ่นจะไม่ข้ามถนนเลย แต่จะเดินไปจนเจอทางม้าลาย และรอไฟเขียวให้คนข้ามถึงจะข้ามไปต่อได้ (เป็นระเบียบสุดยอด)

3. การบริการลูกค้า ก็ดีเยี่ยม
การให้บริการลูกค้าในญี่ปุ่นเน้นเรื่อง Service Mind เป็นอย่างมาก หากไปญี่ปุ่นแล้วมีโอกาสไปห้างสรรพสินค้า หรือตามร้านต่างๆ ก็จะได้รับการบริการเหมือนเป็นพระเจ้าเลยล่ะ หลังจากซื้อของเสร็จ พนักงานจะคอยยืนส่งลูกค้าไปจนลับสายตา เพราะถือว่าหากลูกค้ามองกลับมาแล้วไม่เจอพนักงาน จะถือว่าเสียมารยาทนะจ๊ะ

3. ฆ่าตัวตายด้วยรถไฟฟ้า เจอค่าปรับหนักแน่นอนจ๊ะ
อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่า คนญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายต่อปี่อนข้างที่จะสูง หนึ่งในวิธียอดนิยมในการฆ่าตัวตายคือ การกระโดดให้รถไฟทับตาย แต่รู้มั้ยว่าถ้าหากกระโดดให้รถไฟทับตาย พ่อแม่ญาติพี่น้องจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนที่แพงมหาศาล เพราะถือว่าทำความเดือดร้อนให้กับบริษัทรถไฟที่ต้องหยุดวิ่ง เพื่อทำความสะอาดราง และรถไฟ และยังต้องสูญเสียรายได้

4. ฟังเพลงจากหูฟัง ขณะขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ หรือจักรยาน โดนปรับแน่

ห้ามฟังเพลงจากหูฟัง ในขณะที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ หรือจักรยาน เพราะทำให้สมรรถภาพการขับขี่ลดลง ถ้าตำรวจพบ จะถูกปรับ

5. ห้ามซ้อนจักนยาน ถึงมีเบาะให้นั่งก็ตาม

รวมถึงการซ้อนจักรยาน ถึงจักรยานจะมีเบาะให้ซ้อน ก็ห้ามซ้อน เพราะตำรวจอาจเรียกได้ เบาะซ้อนมีไว้วางของ ยกเว้นเด็กเล็กที่ซ้อนได้ แต่ต้องนั่งเบาะพิเศษของเด็ก

6.ก่อนทิ้งกล่องนม ต้องล้างก่อนทุกครั้ง

เวลาทิ้งขยะที่เป็นขวดกล่องน้ำ หรือนม จะต้องล้างขวด หรือกล่องนั้นให้สะอาดก่อนแล้วค่อยทิ้ง เพราะหากทิ้งลงไปทั้งอย่างนั้น ของข้างในอาจบูดเน่าและส่งกลิ่นเหม็น

9. ที่นู้นเค้าไม่มีเลข 4 กันนะ

ห้องพักตามอพาร์ทเมนท์ คอนโด และโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่น จะไม่มีห้องหมายเลข 4 เพราะถือว่าเป็นตัวเลขอัปมงคล เพราะอ่านออกเสียงพ้องกับคำที่แปลว่า "ตาย"

10. แท็กติดตัวคนท้อง ง่ายต่อการสังเกต
คนท้องจะมีแท็กจากโรงพยาบาลให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เพื่อที่คนอื่นจะได้รู้ว่าคนนี้ท้อง และจะได้บริการให้เป็นพิเศษ เช่น ลุกให้นั่งบนรถไฟใต้ดิน เป็นต้น

ก็ไม่แน่ใจนักว่า ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงไหม เพราะได้อ่านจากอีเมล์ของเพื่อนที่ส่งมาให้อีกต่อหนึ่งค่ะ ถ้าหากใครรู้จริง ก็แจ้งกันมาได้เลยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^^