วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

เทคนิคการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง ล้อลาก (Luggage)

เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยว ไปต่างประเทศในบ้านเรากำลังได้รับความนิยมสุดๆ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน มาเก๊า เป็นต้น และสิ่งหนึ่งที่นักเดินทางมือใหม่มองหา นั่นก็คือ กระเป๋าเดินทาง นั่นเอง วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับ การลือกซื้อกระเป๋าเดินทางเบื้องต้นมาฝาก ซึ่งในครั้งนี้เน้นไปที่ กระเป๋าเดินทางล้อลากนะคะ

เทคนิคการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง ล้อลาก (Luggage)
ภาพจาก www.bibelib.com

1. ล้อ
ล้อที่ดีที่สุดควรเป็นล้อยางทั้งลูก ชนิดที่มีตลับลูกปืน ตัวล้อควรฝังอยู่ภายในกระเป๋าเดินทาง โดยเฉพาะกระเป๋าเดินทางที่ไว้ใต้ท้องเครื่องบิน เพราะจะป้องกันการเสียของล้อได้ แนะนำให้มองหากระเป๋าเดินทางล้อลาก แบบ 4 ล้อ ไว้ก่อน เพราะจะช่วยผ่อนแรงงานเวลาเคลื่อนย้ายได้เยอะเลย (ราคาแบบ 4 ล้อ ก็แน่นอนว่าแพงกว่า 2 ล้อค่ะ)

2. กระเป๋าเดินทางใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป
คนทั่วไปจะบรรจุสิ่งของลงในกระเป๋าขนาด 26 นิ้วได้พอดี ดังนั้นก็ไม่ควรใช้กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่กว่านี้ โดยเฉพาะถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการยกของหนัก เช่น ปวดหลัง หรือปวดแขน

3. อย่าไปยึดติดกับยี่ห้อ
คนทั่วไปจะคุ้นเคยกับชื่อ Samsonite และ American Tourister เพราะเป็นเจ้าแรกๆ ที่ขายมานาน แต่ก็ยังมีหลายยี่ห้อที่คุณภาพก็ใช้ได้ เช่น Travelpro Eminent Echolac Delsey หรือแม้แต่ Blue light, Valentino, Miracle, Dandy ลองเลือกการใช้งานต่างๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ ดีกว่าที่จะเน้นหนักไปที่ยี่ห้อนะคะ

* กระเป๋าเดินทาง ทุกยี่ห้อ จะรับประกันก็ต่อเมื่อ มีความเสียหายที่เกิดจากการผลิตเท่านั้น เช่น ซิปผิดปกติ รอยเย็บเบี้ยว หูลากหลุด หรือน็อตหลุด การรับประกันส่วนใหญ่จะเป็นของผู้ผลิต ไม่ใช่เป็นของร้านที่ขาย ดังนั้นไม่ควรไปเชื่อกับการรับประกันของร้านมากนัก เวลาเลือกซื้อควรตรวจตรา ดูองค์ประกอบต่างๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสิ้นใจซื้อเสมอ

5. การซื้อ กระเป๋าเดินทาง เป็นการลงทุนไม่ใช่ความสิ้นเปลือง
การคุ้มค่าในการลงทุนซื้อกระเป๋าเดินทาง ขึ้นอยู่กับอายุของการใช้งานของ กระเป๋าเดินทาง ถ้าคุณจ่ายเงินสองเท่าเพื่อซื้อกระเป๋าเดินทางที่มีอายุใช้งานนานขึ้น 4 ปี ก็ถือว่าคุ้มค่า แต่อย่าลืมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมด้วยนะจ้ะ

6. ไม่ต้องกังวลว่ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่กว่าจะหนักมากกว่า
สิ่งของที่คุณจะบรรจุลงในกระเป๋าเดินทางอาจมีน้ำหนักประมาณ 20-30 กก. แต่น้ำหนักกระเป๋าเดินทางที่ใหญ่เล็กต่างกัน 4-6 นิ้ว อาจมีน้ำหนักต่างกันเพียงครึ่งกิโลเท่านั้น และคุณจะรู้ว่า ถ้ากระเป๋าเดินทางไม่พอคุณต้องซื้ออีกใบที่ น้ำหนักอย่างต่ำก็ ประมาณ 3-4 กก. ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นอีก มองดูแล้วมันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

7. หูหิ้ว
หูหิ้วแบบยืดหด ควรติดตั้งและยึดเกาะกับกระเป๋าได้เป็นอย่างดี ถ้าเป็นแบบพับ ก็ต้องแนบติดกับตัวกระเป๋าเดินทาง เพื่อป้องกันความเสียหายของเสาคันชัก เวลาเราชักเข้าชักออก

8. Denier (หน่วยวัดความแข็งแรงของผ้า)

Denier เป็นหน่วยของการวัดขนาดเส้นใยที่ใช้ในการทอผ้า dinier ยิ่งมากจะทำให้ผ้าหนักยิ่งขึ้น สำหรับวัสดุที่นำมาทอเป็นผ้าก็ให้ความแข็งแรงแตกต่างกันด้วย เช่น โพลีเอสเตอร์ (Polyester) 1800 denier แข็งแรงกว่า Polyester 1200 denier แต่แข็งแรงน้อยกว่า Ballistic nylon 1050 denier โดยทั่วไป ตามสายการบินจะไม่ยอมรับความเสียหายกับกระเป๋าเดินทางที่ทำด้วยผ้า 600-700 denier

9. ซื้อกระเป๋าเดินทางกับร้านที่มีความรู้ด้านกระเป๋าจริงๆ
เพราะกระเป๋าเดินทางเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่มีหน้าที่แค่บรรจุสัมภาระเท่านั้น อย่าไปกลัวที่จะถามคนขาย เกี่ยวกับความทนทาน หน้าที่การทำงานต่างๆ การบริการหลังการขาย

ที่มาข้อมูล จาก @Watergate pavilion # ร้านเลิศศิริ

* สำหรับทริปสั้นๆ เช่น 5-7 วันที่ไปเที่ยวด้วยตัวเอง แนะนำกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว ที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ด้วยน้ำหนักไม่เกิน 7 ก.ก. (แต่ขากลับควรจะโหลดลงใต้ท้องเครื่อง เพราะน้ำหนักน่าจะเกินจากการช๊อปปิ้งค่ะ)

แต่ทั้งนี้หากสาวๆ ที่ไปกับทัวร์ ไม่ห่วงเรื่องการขนย้าย การเดินทางต่างๆ ก็เลือกกระเป๋าขนาด 24 นิ้วก็สะดวกดีค่ะ ใส่ของไปได้ทุกอย่างไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดเหลือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น