ความรู้เกี่ยวกับ บูติก โฮเต็ล (Boutique Hotel) ในรายงานเรื่อง "การศึกษาโครงสร้างและผลการดำเนินงานของโรงแรมบูติคโฮเทล เปรียบเทียบกับโรงแรมระดับมาตรฐานทั่วไป" ของ จารุณี สุนทรนาค คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า โรงแรมบูติคโฮเทล คือโรงแรมขนาดเล็ก มีห้องพักจำนวนไม่มาก แต่เน้นการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ การให้บริการที่ใกล้ชิดกับลูกค้า โดยเน้นลูกค้าระดับบน
บูติคโฮเทลเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อต้นปีค.ศ.1980 จนปีถัดมาบูติคโฮเทล 2 แห่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ คือ เดอะ เบลก-The Blake ในกรุงลอนดอน ประเทศ อังกฤษ ด้วยจำนวนห้องพักเพียง 50 ห้อง และเดอะ เบดฟอร์ด-The Bedford ในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ก่อนขยายสู่ทั่วโลก
บูติคโฮเทลมีชื่อเรียกแตกต่างกันหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น "ฟังกี้ ชิก Funky-Chic" หรือ "ฮิป โฮเต็ล Hip-hotel" จนกระทั่งโรงแรมเดอะเบลกใช้คำว่า Boutique Hotel อย่างเป็นทางการ ความหมายของ Boutique (n) ตามพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ด คือร้านขนาดเล็ก มักขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ทันสมัย อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีการให้นิยามแก่บูติคโฮเทลได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการตกแต่ง และจำนวนห้องพัก แต่ส่วนใหญ่ให้ความหมายตามลักษณะของโรงแรมที่ประสบความสำเร็จ
ลักษณะเด่นของบูติคโฮเทล ที่ได้รับการยอมรับว่าทำให้ต่างจากโรงแรมระดับมาตรฐานทั่วไปมีอยู่ 3 ด้าน คือ 1.ด้านสถาปัตยกรรม (Architecture and design Style) เน้นการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นตัวตนของลูกค้า บางแห่งตกแต่งแบบโบราณ บางแห่งตกแต่งแบบทันสมัย ทั้งนี้ บูติคโฮเทลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักตกแต่งโดยผสมผสานด้านประวัติศาสตร์กับความทันสมัย เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากกว่าการเน้นไปในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
2.ด้านการบริการ (Service) เน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับลูกค้า ซึ่งบางแห่งพนักงานทุกคนจำชื่อลูกค้าที่เข้าพักได้ ทำให้ ลูกค้าเกิดความรู้สึกอบอุ่นเสมือนเป็นคนพิเศษ ในขณะที่โรงแรมทั่วไป หรือโรงแรมที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ไม่สามารถทำได้เพราะมีจำนวนห้องพักจำนวนมาก การบริการอย่างใกล้ชิดจึงเป็นไปได้ยาก และ 3.ด้านกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Target Market) เน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ต้องการหาความแตกต่างไปจากโรงแรมมาตรฐานทั่วไป ซึ่งเป็นลูกค้าที่รายได้เฉลี่ยสูง
จึงอาจกล่าวได้ว่าบูติคโฮเทลเป็นโรงแรมขนาดเล็ก จำนวนห้องไม่เกิน 150 ห้อง มีลักษณะเด่นด้านสถาปัตยกรรมการตกแต่ง การบริการ และการเน้นตลาดเป้าหมายที่ต้องการความแตกต่างจากโรงแรมทั่วไปที่เน้นการตลาดมวลรวมหรือความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขณะที่บูติคโฮเทลอาจไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลยก็ได้
ถึงแม้จะยังไม่มีคำจำกัดความที่แน่ชัดของบูติคโฮเทล และขนาดของโรงแรม แต่บูติคโฮเทลอาจแยกออกได้เป็น 2 รูปแบบตามลักษณะที่ตั้ง คือ 1.ซิตี้ โฮเต็ล เน้นให้ความสำคัญกับที่ตั้งที่อยู่ในเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจ ความสะดวกสบาย ความนิยมและความหรูหราของละแวกนั้น มักตั้งอยู่ในเมืองที่น่าอยู่ และเมืองเศรษฐกิจ การตกแต่งผสมผสานประวัติศาสตร์และศิลปะที่ถูกพิจารณาว่าทันสมัย มีเทคโนโลยี แต่เสริมสร้างบรรยากาศและโปรโมตอารมณ์ที่สอดคล้องระหว่างลูกค้ากับตัวตึก
และ 2.รีสอร์ต โฮเต็ล มีความแปลก เล็กและให้ความสนิทสนมใกล้ชิด เสนอความรู้สึกที่ไม่ใช่ความหรูหรา ทำเลที่ตั้งอาจซ่อนอยู่ในที่ไกล เช่น เกาะหรือหุบเขาที่ยากต่อการเดินทาง มีความทันสมัยที่ยังมีกลิ่นอายธรรมชาติ มีบริการที่พิเศษ อาจไม่มีการโปรโมตเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ แต่เสนอในรูปแบบของสปา สระว่ายน้ำส่วนตัว เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น