วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ที่นั่งดีๆ บนเครื่องบิน ที่จะได้เห็นวิวสวยๆ

คำแนะนำของเหล่านักบินจากสายการบริติชแอร์เวย์สถึงเส้นทางและที่นั่งที่ผู้โดยสารทั่วไปจะได้รับประสบการณ์เฉกเช่นเดียวกับกัปตันที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของเครื่องบิน





 ที่นั่งดีๆ บนเครื่องบิน ที่จะได้เห็นวิวสวยๆ

เส้นขอบฟ้าชิคาโก: มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาได้ว่าเครื่องบินที่จะลงจอดที่สนามบินมิดเวย์ ของชิคาโกจะลงจอดที่ด้านไหน เนื่องจากรันเวย์เป็นตัว X แต่ถ้าคุณบินมาจากทางทิศตะวันออกคุณจะได้เห็นเส้นขอบฟ้าของชิคาโกอย่างใกล้ชิดถ้านั่งด้านขวาของเครื่องบิน และเนื่องจากตัวสนามบินตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่น คุณจะรู้สึกว่าคุณกำลังอยู่ในใจกลางเมืองขณะกำลังร่อนลง

แกรนด์ แคนยอน: ใครที่นั่งด้านซ้ายของเครื่องบินจะได้เห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของ แกรนด์ แคนยอน ดินแดนแห่งหน้าผาและหุบเหวสลับซับซ้อนแห่งรัฐอริโซน่าที่ทอดกายเหยียดยาวอยู่ตรงหน้า

เกาะโบรา โบรา: เครื่องบินที่บินไปเกาะนี้ไม่เปิดให้จองที่นั่งล่วงหน้า ดังนั้นในคู่มือนำเที่ยวจึงมีข้อมูลหนึ่งหน้าที่แนะนำว่าคุณควรจะนั่งฝั่งไหนของเครื่องบิน กุญแจสำคัญก็คือคุณควรจะไปถึงสนามบินก่อนเวลามากๆ เพื่อจะได้มั่นใจว่าจะได้ที่นั่งฝั่งซ้ายของเครื่องบิน และรับรองว่าภาพแนวปะการังที่บริสุทธิ์และทะเลสาบตรงหน้าตอนร่อนลงจอดจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

ภูเขาไฟฟูจิ: ไม่ว่าจะบินเข้าหรือออกจากสนามบินนาริตะของโตเกียว คุณจะสามารถมองเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิโผล่เหนือเมฆบนท้องฟ้า ถ้าเป็นเที่ยวบินขาเข้า คุณจะมองเห็นโตเกียวและภูเขาฟูจิถ้านั่งทางด้านขวา คุณอาจสามารถมองเห็นมันได้จากที่นั่งฝั่งซ้ายถ้าเครื่องบินลำนั้นบินมาจากทางทิศใต้และกำลังตีวงเข้าใกล้สนามบิน

ลาสเวกัส: วิวของสนามเด็กเล่นสำหรับผู้ใหญ่ของอเมริกาจะมองเห็นได้ดีที่สุดก็คือเวลากลางคืนเมื่อมองลงมาจากที่นั่งด้านขวาของเครื่องบินขณะเครื่องบินร่อนลงจอด เพราะคุณจะมองเห็นแสงระยิบระยับของเมืองที่มีโรงแรมขนาดใหญ่และบ่อนคาสิโน แต่ไม่ต้องกังวลถ้าคุณนั่งอยู่ฝั่งซ้าย เพราะคุณยังคงสามารถที่จะเห็นแสงแวววาวเมื่อเครื่องบินกำลังแท๊กซี่อยู่บนพื้น

ลอนดอน: เที่ยวบินส่วนใหญ่ที่บินลงสนามบินฮีทโธรว์มักจะมาจากทางทิศตะวันออก และที่นั่งทางด้านขวาเป็นจุดที่ดีที่สุดที่จะเห็นวิวอันสวยงามของกรุงลอนดอนไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำเทมส์และแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงอื่นๆ เช่น โอทู อารีน่า เขตกรีนิช

ซิดนีย์ ฮาร์เบอร์: ถ้าบินออกจากซิดนีย์ ให้นั่งด้านขวามือของเครื่องบินเพื่อชมวิวที่ดีที่สุดของอ่าวซิดนีย์ซึ่งเป็นอ่าวธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้โดยสารจะได้เห็นวิวทางอากาศที่ดีที่สุดของสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์และโอเปร่าเฮ้าส์

สะพานโกลเด้น เกทและอัลคาทราซ: ถ้าบินออกจากซานฟรานซิสโกและเลือกนั่งด้านซ้ายของเครื่องบิน วิวที่มองเห็นคือสะพานโกลเด้น เกท หรือจะเลือกนั่งด้านขวาก็จะได้เห็นเกาะอัลคาทราซซึ่งเคยเป็นคุกชื่อดังและสถานที่ตั้งประภาคาร ป้อมปราการของกองทัพสหรัฐอเมริกา

เคปทาวน์และภูเขาโต๊ะ: ใครที่บินมาจากทางตอนเหนือของประเทศแอฟริกาใต้และมุ่งหน้าไปยังสนามบินเคปทาวน์ ไม่ว่าจะนั่งอยู่ฝั่งไหนของเครื่องบินคุณก็จะเห็นวิวทิวทัศน์อันน่าทึ่งและงดงามของแคมปส์เบย์โดยเฉพาะถ้าเป็นไฟล์ทเช้า

ลอสแอนเจลิส: ใครที่มุ่งหน้าไปยังสนามบินลอสแอนเจลิสและบินมาจากฝั่งตะวันออกขอแนะนำให้นั่งที่ด้านขวาของเครื่องบิน เพราะคุณจะไม่พลาดชมความงดงามของเทือกเขาซาน เกเบรียล แม่น้ำลอสแอนเจลิส ย่านดาวน์ทาวน์ของแอลเอ ป้ายฮอลลีวู้ดและเซ็นจูรี่ ซิตี้ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทภาพยนตร์ทเวนตี้ท์ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์

และสตูดิโอ สำหรับไฟล์ทกลางคืน ไม่ว่าจะนั่งฝั่งไหนผู้โดยสารก็จะได้รับชมทัศนียภาพที่งดงามของเมืองที่สว่างไสวไปด้วยไฟถนนและแสงนีออน

สุนทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา


สำหรับคนที่เคยไปเกาหลี และชื่นชมพิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์ สุนทรีแลนด์ ...ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ถึงจะไม่ได้อลังการงานสร้าง แต่ที่นี่ก็รวบรวมตุ๊กตาไว้นับร้อยๆ ตัว จัดแสดงภายใต้ธีมต่างๆ หลากหลายมากมาย โดยมีที่มาน่าสนใจคือเจ้าของ สุนทรี เอี่ยมหนู หลังจากทำโรงงานผลิตตุ๊กตามายาวนากว่า 30 ปี รู้สึกอยากให้คนได้สัมผัสและเห็นถึงฝีมือการทำตุ๊กตาของคนไทย จึงคิดนำเสนอตุ๊กตาเหล่านี้ในรูปแบบของสถานที่สันทนาการเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี

'สุนทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา' แบ่งโซนจัดแสดงออกเป็นหลายส่วนทั้งในอาคารและกลางแจ้ง ที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่เห็นจะเป็นโซนที่เต็มไปด้วยหมีตัวใหญ่ในอิริยาบทต่างๆ อาทิ หมีในชุดประจำชาติของประเทศอาเซียน หมีที่แสดงถึงวิถีวัฒนธรรมไทย นอกจากนี้เด็กๆ ยังได้ตื่นเต้นกับการหาทางออกจากเขาวงกต และโซนอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนใครที่ชอบความแปลกใหม่ อีกอาคารเป็นตุ๊กตาหน้าโหดหลากหลายแบบ ตกแต่งเป็นบรรยากาศยามราตรี แต่ไม่ต้องกังวล ไม่ได้น่ากลัวอะไร ดูได้เพลินๆ



จุดเด่นของสุนทรีแลนด์ นอกจากจะดูด้วยตา ถ่ายภาพกันได้แบบจุใจแล้ว ยังสามารถจับเล่นหรืออุ้มกอดได้ โดยตุ๊กตาเหล่านี้จะมีการนำไปทำความสะอาดตามระยะเวลาที่กำหนดและเปลี่ยนตัวใหม่มาให้เล่นแทน ส่วนใครที่อยากแปลงร่างเป็นตุ๊กตาที่ชื่นชอบสามารถเช่าชุดมาสคอตมาใส่ถ่ายภาพได้ หรือถ้าจะทดลองทำตุ๊กตา เขาก็มีห้องงานประดิษฐ์ให้คุณได้สร้างสรรค์ตุ๊กตาในแบบของตัวเอง เรียกว่าเป็นแหล่งศึกษาดูงานการทำตุ๊กตาที่ครบวงจรเลยทีเดียว

เดินชมจนพอใจ หากจะนั่งพักชิลล์ๆ ก็มีร้านกาแฟและร้านอาหารสไตล์น่ารักๆ ไม่หลุดคอนเซ็ปต์ไว้บริการ ส่วนใครอยากจะได้ตุ๊กตาตัวโปรดกลับไปเชยชมที่บ้านหรือซื้อเป็นของที่ระลึก สุนทรีแลนด์ก็มีร้านตุ๊กตาหลากหลายแบบจากโรงงานสุนทรีจำหน่ายด้วย

ใครอยากเที่ยวแบบย้อนวัย หรือพาเด็กๆ ไปเติมจินตนาการความสนุกสนาน สุนทรีแลนด์ รอคุณอยู่ที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี บริเวณกิโลเมตรที่ 84 เข้าซอยเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ ตรงมา 4 กิโลเมตร อยู่ด้านซ้ายมือ แต่ถ้ามาจากนครปฐม วิ่งเส้นเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 84 ด้านซ้ายจะเป็นโรงเรียนอนุบาลโพธาราม เลี้ยวซ้ายเข้ามาอีก 4 กิโลเมตร จะอยู่ซ้ายมือ เปิดบริการทุกวัน (หยุดวันพุธ) ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 80 บาท และเด็ก 40 บาท (สอบถามโทร 08 2024 2888, 08 20217888, เว็บไซต์ : http://www.suntreelandofdolls.com, เฟสบุ๊ค : facebook.com/suntreeland)

เนื้อหาจาก http://www.bangkokbiznews.com/

หมดยุค “เซลฟี่”? แล้วหรือไง?

เทรนด์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวในยุคศตวรรษที่ 21 ก็คือจะทำอย่างไรให้แน่ใจว่าพวกเขามีภาพถ่ายตอนเที่ยวที่ดีที่สุดเพื่อเอาไปโพสต์บนโซเชียล ... ซึ่งมีวิธีการมากมายที่นักท่องเที่ยวพยายามทำตั้งแต่ใช้ไม้เซลฟี่ไปจนถึงฟิลเตอร์แต่งภาพบนอินสตาแกรม

และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทท่องเที่ยว El Camino หารายได้จากเทรนด์ดังกล่าวโดยการส่งช่างภาพไปกับนักท่องเที่ยวด้วย


หมดยุค “เซลฟี่”?

El Camino เสนอบริการให้นักท่องเที่ยวสามารถจ้างช่างภาพส่วนตัว 1 คนติดตามคณะไปถ่ายภาพการเดินทางอันน่าทึ่งที่พวกเขาไม่สามารถถ่ายเองได้ เพื่อจะได้มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะมีอัลบั้มภาพที่สวยงามและเป็นที่น่าอิจฉาเมื่อนำไปโพสต์บนโซเชียลมีเดีย

บริการนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียเวลาแต่งภาพเพื่อให้ได้ภาพที่สวยที่สุด ก่อนนำมาโพสต์ เพราะช่างภาพคนนี้จะเป็นคนดูแลจัดการให้ทั้งหมด โดยทุกเช้าช่างภาพจะส่งภาพจำนวน 20 รูปหรือมากกว่าให้นักท่องเที่ยวอัพโหลดและแชร์ภาพบนโซเชียลมีเดีย และจะส่งให้อีก 150 ภาพหลังจากจบทริป

บริษัทยังช่วยจัดการสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเดินทางไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ปทัวร์ หรือนักเดินทางคนเดียวที่ต้องการไปรวมกลุ่มกับคนอื่น

ปัจจุบันบริษัทเสนอทัวร์ผจญภัยไปโคลัมเบียและนิการากัวเท่านั้น แต่ก็พร้อมให้บริการการเดินทางตามที่ลูกค้าต้องการด้วย

ประเภทของกิจกรรมในทัวร์จะเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ถ่ายภาพออกมาสวยรวมถึงการแช่โคลนภูเขาไฟและเต้นซัลซ่าในโคลัมเบีย การเล่น

กระดานโต้คลื่นและเดินเที่ยวตลาดช่างฝีมือในนิการากัว

ทางบริษัทให้ความมั่นใจว่าลูกค้าทุกคนจะได้รับบริการตามที่ต้องการ นอกจากนั้นช่างภาพมืออาชีพยังจะบอกเทคนิคของการถ่ายภาพเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พัฒนาทักษะการถ่ายภาพของตัวเองด้วย

นอกจากนี้ผลกำไรยังนำไปช่วยท้องถิ่น เพราะแต่ละทริปจะช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ซึ่งจะมาพบปะกับนักท่องเที่ยวระหว่างการเดินทางเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าประเทศของพวกเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

ราคาทัวร์และช่างภาพเริ่มต้นที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคลด้วย
.............................
ที่มา เว็บไซต์เดลี่ เมล และ http://www.bangkokbiznews.com/

*** เป็นธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

โรงแรมมาดูซิ (Maduzi Hotel) กรุงเทพฯ โรงแรมยอดเยี่ยม จาก booking.com

โรงแรมมาดูซิ Maduzi Hotel กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมสไตล์บูติกขนาดเล็กที่ให้บริการห้องพักจำนวน 40 ห้อง ตั้งอยู่บริเวณถนน อโศก – สุขุมวิท ใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าอโศก และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที เพียงไม่กี่นาทีเข้าสู่ตัวโรงแรม
โรงแรมมาดูซิ (Maduzi Hotel) กรุงเทพฯ โรงแรมยอดเยี่ยม จาก booking.com



มาดูซิพร้อมมอบความเป็นส่วนตัวและบริการระดับ 5 ดาวที่จะจัดสรรให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคล  และยังมีนโยบายปิดประตูทางเข้าโรงแรมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดและสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า โดยให้บริการห้องพักที่กว้างขวางพร้อมจากุซซี่ส่วนตัว, เครื่องชงกาแฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยอีกมากมาย  มาดูซิพร้อมสรรสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่มีระดับที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

โรงแรมมาดูซิ กรุงเทพฯ ได้รับรางวัลโรงแรมยอดเยี่ยมประจําปี 2557 จากเว็บไซต์ Booking.com เว็บไซต์ให้บริการสํารองห้องพักชั้นนําของโลก โดยได้รับคะแนน 9.2 คะแนน วัดจากความพึงพอใจโดยรวมและจากการรีวิวโรงแรมของแขกผู้มาเยือน ตอกย้ำมาตรฐานการให้บริการระดับสากล และสิ่งอํานวยความสะดวกที่ครบครันและทันสมัย

รางวัลดังกล่าวมอบให้แก่โรงแรมที่มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์สูง (มากกว่า 8 คะแนนขึ้นไป) พิจารณาจากความพึงพอใจของแขกผู้เข้าพักจากทั่วโลก

เว็บไซต์ http://www.maduzihotel.com/

Dino Water Park สวนน้ำแห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน

'ไดโน วอเตอร์ พาร์ค' สวนน้ำขนาดใหญ่ ด้วยพื้นที่กว่า 30 ไร พร้อมด้วยเครื่องเล่นสนุกๆ มากมาย ในธีมที่ตกแต่งแบบจูราสิคปาร์ค ยุคไดโนเสาร์ ไฮไลท์ของสวนน้ำไดโนวอเตอร์พาร์ค คือ ทะเลเทียม พร้อมหาดทรายสีขาว พิเศษสุดๆ คือ มีเวทีคอนเสิร์ตกลางน้ำ ที่รอเสิร์ฟความสนุกแบบจัดเต็ม ให้กับผู้ไปเยือนทุกเมื่อ

Dino Water Park สวนน้ำแห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน


Windigo
เครื่องเล่นที่มีความน่าตื่นเต้นสุดมันส์ มีสไลด์เดอร์ทั้งหมด 6 เลน ผู้เล่นจะใช้แผ่นยางสไลด์ตัวลงมาจากความสูง 18 เมตรผ่านลู่ที่มีความสลับซับซ้อน ด้วยความเร็วมากๆ หวาดเสียวสุดๆไปเลย

Family Rafting
ผู้เล่นจะได้พบกับความสุขและความตื่นเต้นราวกับไปล่องแพกันทั้งครอบครัว โดยเราจะมีเบาะยาง อย่างดีที่นั่งได้ 4 คนสไลด์ตามลู่ลงมาด้วยความเร็วที่ต่างระดับกัน

Space Boat
ถูกออกแบบมาให้คุณได้สนุกตื่นเต้นกับการสไลด์เบาะยางที่นั่งได้ 2 คน ผ่านลงมาสู่อ่างขนาดใหญ่ที่มีท่ออยู่ตรงกลาง คุณจะตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อถูกดูดลงไป แล้วสไลด์ออกมาอย่างสุดเหวี่ยง

Kamikaze
จะพาผู้เล่นสไลด์ตัวลงไปตามลู่ที่ความสูง 18 เมตร ด้วยความเร็วต่อเนื่อง ผู้เล่นจะพบกับความตื่นเต้นแบบสุดๆ จะไม่อยาก หยุดกันเลยทีเดียว

Looping Rocket
คือจรวดที่พร้อมจะปล่อยตัวผู้เล่นไปสู่ความสนุก ตื่นเต้น Looping rocket จะปล่อยตัวผู้เล่นในแนวดิ่งลงไปตามลู่ด้วยความเร็วสูง แล้วผู้เล่นจะทะยานบินออกมา อย่างสุดมันส์

Magicone

เป็นสไลด์เดอร์ที่มีความจุสูงเป็นพิเศษ ผู้เล่นสามารถร่วมเล่นพร้อมกันได้ เมื่อสไลด์ลงมาจากจุดสตาร์ทผู้เล่นจะสนุกเต็มที่กับอุโมงขนาดใหญ่ ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น

Turbolance

เมื่อผู้เล่นปล่อยตัวเองจากจุดสตาร์ทด้วยห่วงยางสไลด์ลงมาด้วยความเร็วสูง ผู้เล่นจะพุ่งขึ้นไปยังแผ่นสไลด์ขนาดใหญ่สูง 18 เมตรและสไลด์กลับลงมาในอีกลู่หนึ่ง ผู้เล่นจะรู้สึกตื่นเต้นราวกับนั่งรถไฟเหาะ

Space Shuttle
ผู้เล่นจะสไลด์ด้วยห่วงยางไปตามลู่จากจุดสตาร์ท และจะถูกส่งเข้าไปพักในแท็งก์ขนาดใหญ่ ก่อนที่จะถูกส่งเข้าไปในลู่ และแท็งก์อีก 2 ที่

Uphill Navigatour
ผู้เล่นจะสไลด์ด้วยห่วงยางไปตามลู่จากจุดสตาร์ท และจะถูกส่งเข้าไปพักในแท็งก์ขนาดใหญ่ ก่อนที่จะถูกส่งเข้าไปในลู่ และแท็งก์อีก 2 ที่

Space Hole
คือหนึ่งในสไลด์เดอร์ที่ใหญ่ที่สุด คุณจะพบความตื่นเต้นหลายระดับ อันดับแรกเมื่อผู้เล่นสไลด์ตัวผ่านลู่ผู้เล่นจะถูกเหวี่ยงลงไปในชามใบใหญ่ หมุนไปรอบๆชาม และในที่สุดผู้เล่นก็จะตกลงไปในก้นชามที่ถูกเจาะรูเอาไว้

Wave Pool
สระน้ำขนาดใหญ่ ที่มีคลื่นน้ำจำลองราวกับทะเลจริงๆ และยังจัดตั้งเวทีกลางขนาดใหญ่ในสระ นอกจากนักท่องเที่ยวจะสนุกสนานกับเครื่องเล่นต่างๆแล้ว ยังได้รับความบันเทิงกับการแสดงต่างๆบนเวทีอีกด้วย

Lazy River
ซึ่งเป็นระบบน้ำวนรอบสวนน้ำให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน นั่งห่วงยางลอยไปรอบๆ ภายในสวนน้ำ ใกล้ชิดสนุกสนานกับครอบครัวได้ต่อเนื่อง

Aqua Tower
คือพื้นที่สระน้ำขนาดใหญ่ เป็นโซนสไลด์เดอร์และเครื่องเล่นที่มีความปลอดภัยที่สุด เครื่องเล่นจะเหมาะกับเด็กๆ เพราะบริเวณรอบๆนั้นน้ำจะไม่ลึกมาก ปลอดภัยกับเด็กๆ ได้สนุกสนานกันตลอดทั้งวัน

Dancing Fountain
มีน้ำพุดนตรีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 เมตร เต้นระบำตามจังหวะของเพลง สร้างสีสันความสนุกเฮฮาพร้อมเสียงเพลงและสายน้ำที่ผุดขึ้นมาเริงร่าเต้นระบำเป็นจังหวะ

เว็บไซต์ : www.dinowaterpark.com
เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/dinowaterparkkhonkaen

ข่าวจาก http://webboard.yenta4.com/topic/570825

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ปลั๊กไฟของประเทศต่างๆ รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว


ปลั๊กไฟของประเทศต่างๆ รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว

Type A: USA, Canada, Mexico and Japan
Type B: A grounded version of Type A
Type C: Europe, South America and Asia
Type D: India
Type E: France, Belgium, Poland, Slovakia and the Czech Republic
Type F: Europe and Russia, except for the UK & Ireland (Types C,E and F are all cross-compatible)
Type G: United Kingdom, Ireland, Malta, Malaysia and Singapore
Type H: Israel, the West Bank and the Gaza Strip
Type I: Australia, New Zealand, China and Argentina
Type J: Switzerland, Liechtenstein and Rwanda
Type K: Denmark and Greenland
Type L: Italy and Chile
Type M: South Africa
Type N: Brazil
Type O: Thailand

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวเกียวโต ปราสาท พิพิธภัณฑ์ และอื่นๆ

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เกี่ยวกับปราสาทและพิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้ง ตลาด สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและบันเทิง สวนและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้ๆ เมือง ที่เกียวโต ญี่ปุ่น


ภาพจาก www.jackmanescapades.net

ปราสาทและพิพิธภัณฑ์
ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)
ปราสาทเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1603 เป็นด่านปราการป้องกันตัวพระราชวังนิโนมารุ (Ninomaru Palace) และพระราชวังฮอนมารุ (Honmaru Palace) ในชั้นใน ขึ้นชื่อเรื่องสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่อันสวยงามตระการตา และงานสถาปัตยกรรมภายใน

พระราชวังหลวงแห่งนครเกียวโต (Kyoto Imperial Palace)
พระราชวังแห่งนี้ถูกบูรณะขึ้นใหม่เมื่อราว 50 ปีก่อน เนื่องจากตัวพระราชวังเดิมถูกทำลายลงไปมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

พิพิธภัณฑ์ศิลปะโฮโซมิ (Hosomi)
จัดแสดงงานพุทธศิลป์และเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้านโบราณ รวมไปถึงอุปกรณ์ชงชาอันลือชื่อ

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต (Tokyo National Musuem)
จัดแสดงงานศิลปะต่างๆ และทรัพย์สมบัติของชาติตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยมีการหมุนเวียนการจัดแสดงไปเรื่อยๆ

แหล่งช้อปปิ้ง ตลาด สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและบันเทิง
สถานที่เที่ยวยามค่ำคืน กิออน (Gion District)
ย่านเกอิชาโบราณ ในช่วงเวลาเย็นจะเป็นแหล่งที่รวบรวมศิลปะการแสดงทุกแขนงที่ดีที่สุดของเกียวโตไว้ในที่เดียว ทั้งหุ่นละครมือ การแสดงรำของเกอิชา การร้องเพลง ละครตลก การจัดดอกไม้ ฯลฯ

ถนนฮานามิ-โคจิ (Hanami-koji Street)
ขึ้นชื่อว่าเป็นสีสันแห่งเกียวโต ถนนหลักของย่านกิออนที่จะไปสุดสายที่วัดเคนนิจิ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านกินดื่ม โรงน้ำชา และร้านค้าของที่ระลึกที่ยังอยู่ในลักษณะบ้านเรือนแบบเก่า เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งที่พลาดไม่ได้

ย่านทอผ้านิชิจิน (Nishjin)
แหล่งผ้าทอในบรรยากาศบ้านโบราณอายุกว่า 100 ปี

แหล่งช้อปปิ้งชิโจ (Shijo-Dori)
เป็นเขตห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมาย มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่เครื่องไฟฟ้า เสื้อผ้าแฟชั่นไปจนถึงของที่ระลึก

ตรอกปอนโตโช (Pontocho)
ตรอกยาวขนานแม่น้ำคาโมะ (Kamo River) ถนนสายเกอิชาและสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนประจำเมืองมาแต่อดีต

ถนนสายกาน้ำชาและวัฒนธรรมฮิกาชิยามะ (Higashiyama-historic district)
แต่เดิมเคยเป็นแหล่งเครื่องปั้นดินเผา ตั้งอยู่ใกล้กับวัดน้ำใส ปัจจุบันเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและขนมพื้นเมือง บ้านเรือนในแถบนี้ยังเป็นลักษณะแบบเก่า มากไปกว่านั้นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นก็นิยมแต่งชุดกิโมโนมาเดินบนถนนเส้นนี้ด้วย

ตลาดอาหารนิชิกิ (Nishiki Market-fresh food market)
ตลาดนัดอาหารสดขนาดใหญ่ที่มีทั้งอาหารและขนมพื้นเมืองให้เลือกมากมาย เป็นตลาดเก่าอายุกว่า 400 ปี เจ้าของฉายา “ห้องครัวแห่งเกียวโต”

สวนและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้ๆ เมือง
ทางเดินนักปราชญ์ (The Philosopher’s Path)
เป็นเส้นทางเดินเท้ากว่า 2 กิโลเมตรเชื่อมต่อระหว่างวัดเงินและวัดนันเซนจิ ทางเดินแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นซากุระนับร้อยต้น ซึ่งจะบานในช่วงเดือนเมษายน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ เทศกาลฮานามิ (Hanami)

อะราชิยาม่า (Arashiyama)
เมืองเล็กๆ ชานเมืองเกียวโต มีธรรมชาติสวยงามขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางรถไฟอันแสนโรแมนติก

บ่อน้ำร้อนฟูนาโอกะ (Funaoka Onsen)
บ่อน้ำพุร้อนและสปาแบบญี่ปุ่นที่เป็นลักษณะบ่อน้ำกลางแจ้งมีบ่อสมุนไพรและการบำบัดต่างๆ

เที่ยวเกียวโต เมืองมรดกโลก เมืองแห่งวัดและศาลเจ้า

รวบรวมสถานที่น่าไปเยือนของ “เมืองเกียวโต” กรุงเก่าแห่งญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัยมาฝาก หากใครคิดจะแบกเป้ฉายเดี่ยวไปเที่ยวเมืองซามูไรคราวนี้ด้วยตนเอง เรามีรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ ที่คุณไปเองก็ได้ไม่ต้องพึ่งไกด์ทัวร์

เมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นในอดีต ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันตกหรือ “คันไซ” บนเกาะฮนชู เมืองเกียวโตมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่บ้านเมืองแบบเก่าและเป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นโบราณ

ฤดูกาลท่องเที่ยว เกียวโตสามารถเที่ยวได้ทั้งปี เพราะนอกจากจะได้ชมธรรมชาติสวยงามในฤดูกาลต่างๆ แล้ว เกียวโตยังมีเทศกาลและงานท้องถิ่นมากมายตลอดปีที่น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งที่เที่ยวแนวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองนี้ก็สามารถมาเยือนได้ตลอดปีอีกด้วย


วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple)
Ninna-ji, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
วัดมรดกโลก วัดแห่งศาสนาพุทธขนาดใหญ่ ก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 886 เป็นวัดที่จักรพรรดิยูดะ (Emperror Uda) เคยมาผนวช เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธลัทธิโอมูระ ชินกอน (Omura Shingon) วัดนี้เคยถูกเผาทำลายในช่วงสงครามโอนิน (Onin War) และได้รับการบูรณะใหม่ราว 150 ปีที่ผ่านมา สิ่งก่อสร้างดั้งเดิมที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน คือ เจดีย์ 5 ชั้น ลวดลายบนกำแพงวัด และสวนเชอรี่แคระ นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ก็ยังเคยเป็นพระราชวังเก่าในอดีตอีกด้วย

วัดคิโยมิสึ (Kiyomizudera Temple) หรือวัดน้ำใส
Kiyomizudera, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
รู้จักกันในนามวัดน้ำใส เพราะเป็นทางผ่านของทางน้ำแห่งน้ำตกโอโตวา (Otowa Waterfall) ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และภายในวัดก็มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่รองรับน้ำจากน้ำตกไว้ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้มาตักดื่มเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 798 และได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1633 วัดแห่งนี้มีจุดเด่นเรื่องสิ่งก่อสร้างระเบียงไม้ขนาดใหญ่โตสวยงามโอ่อ่าในเขตวิหารหลัก ที่ก่อสร้างโดยมิได้ใช้ตะปูสักตัวเดียวจนทำให้วิหารและระเบียงแห่งนี้ได้ขึ้นเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1994 นอกจากนั้นในบริเวณสวนของวัดยังมีต้นซากุระกว่าพันต้น เป็นจุดชมซากุระบานยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
Fushimi Inari Shrine, Tokyo, Japan
ที่ตั้ง
ศาลเจ้ายอดนิยมอีกแห่งที่สร้างขึ้นโดยชาวนาท้องถิ่นเพื่อถวายเทพเจ้าจิ้งจอก (เทพเจ้าแห่งธัญพืช) ในราวปีค.ศ. 711 และยังเป็นที่พำนักของพระแม่โพสพตามความเชื่อท้องถิ่นที่ช่วยให้การเกษตรของเมืองอุดมสมบูรณ์ จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ คือ แนวประตูไม้โทริอิสีแดงที่เรียงรายนับพันต้น ซึ่งนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากได้มากราบไหว้ขอพรและสร้างเสาแนวประตูถวายจะช่วยให้กิจการสำเร็จสมหวัง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีแนวประตูยาวไปถึงยอดเขาร่วม 4 กิโลเมตร แนวประตูโทริอินี้ถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมอีกแห่งของเกียวโตเลยทีเดียว

วัดซันจูซันเก็นโดะ (Sanjusangendo Temple)
Sanjusangendo, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1164 โด่งดังเรื่องรูปแกะสลักขนาดเท่าคนจริงของแม่พระโพธิสัตว์กวนอิมที่แกะสลักจากไม้ฉาบทองในปางต่างๆ เป็นจำนวน 1,001 ปาง (องค์) ประดิษฐานในวิหารยาวกว่า 120 เมตร เชื่อกันว่าเป็นงานศิลปะในศตวรรษที่ 12 และวิหารไม้แห่งนี้ถือเป็นวิหารไม้ที่ยาวที่สุดของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นพระประธานในวิหารแห่งนี้ยังเป็นงานแกะสลักรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันกรโดยช่างฝีมือโบราณชื่อดัง ตันเกอิ (Tankei) ในปี ค.ศ. 1264 และบริเวณด้านหน้ายังมีงานแกะสลักเทพเจ้าต่างๆ ในศาสนาฮินดู 28 องค์ และเทพเจ้าตามความเชื่อของญี่ปุ่นอีก 2 องค์ โดยงานแกะสลักทั้งหมดนี้เป็นศิลปะสมัยคามาคุระ (Kamakura) หรือราวศตวรรษที่ 12-13

วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือวัดทอง
Kinkakuji, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
วัดประจำนิกายเซนชื่อดังประจำเมืองอีกแห่งที่มีศาลาที่ตกแต่งด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ์ตั้งอยู่กลางสระน้ำในสวนสวย เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองเกียวโต เคยเป็นที่ประทับของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิตสึ (Ashikaga Yoshimitsu) ในปี ค.ศ.1397 วัดแห่งนี้คนไทยเรารู้จักกันอย่างกว้างขวางเพราะเคยกล่าวถึงในการ์ตูนเณรน้อยเจ้าปัญญา “อิกคิวซัง” ที่มักมาเล่นทายปริศนากับท่านโชกุนโยชิมิตซึ เดิมทีวัดแห่งนี้เป็นบ้านพักตากอากาศของรัฐบุรุษไซออนจิ คิซึเนะ (Sionji Kitsune) และโชกุนโยชิมิตซึได้ขอซื้อเพื่อเป็นที่ประทับ และได้รับการเปลี่ยนเป็นวัดหลังจากพระองค์สวรรคตไปแล้ว

วัดและศาลเจ้า
วัดเรียวอันจิ (Ryoanji)
ขึ้นชื่อเรื่องสวนหินอันสวยงามแปลกตาที่สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 15

วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple)
วัดนิกายเซนแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น เป็นวัดมรดกโลก ขึ้นชื่อเรื่องสวนญี่ปุ่นสวยงาม

วัดโฮโกนิน (Hogonin Temple)
วัดเก่าแต่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1461 ในยุคเอโดะ ตั้งอยู่ภายในเขตของวัดเท็นริวจิ ขึ้นชื่อเรื่องสวนต้นเมเปิลขนาดกว้างใหญ่ ซึ่งสามารถเข้าชมสวนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมถึง 30 มิถุนายน

วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) หรือวัดเงิน

เป็นวัดคู่กับวัดคินคะคุจิ

วัดโคอินซาน ไซโฮจิ (Koinzan Saiho-ji) หรือวัดสวนมอส
วัดที่ปกคลุมไปด้วยมอสพันธุ์ต่างๆ มากกว่า 120 ชนิด ซึ่งเหมาะแก่การมาเยือนในช่วงฤดูฝนราวเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม

วัดโทจิ (Toji Temple)

วัดเก่าที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 796 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้ขนาดใหญ่ วัดแห่งนี้โด่งดังเรื่องเจดีย์ไม้ 5 ชั้นที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

วัดเคนนินจิ (Kenninji Temple)

วัดเซนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

ศาลเจ้าจินชู (Jinshu Shrine)

ศาลเจ้าแห่งความรักตั้งอยู่ในเขตวัดน้ำใส มีหินแห่งความรักตั้งอยู่ 1 คู่ มีความเชื่อกันว่าหากหลับตาแล้วเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะพบรักแท้ในเร็ววัน

การเดินทางจากประเทศไทย สามารถเดินทางโดยเครื่องบินไปลงที่เมืองโอซาก้าโดยสะดวก

การ เดินทางในเมืองและการเดินทางมาจากโอซาก้า มีบริการทั้งรถไฟและรถบัสเพื่อเดินทางมายังเกียวโต แต่ถ้าหากอยากจะแวะเที่ยวชมสถานที่เที่ยวต่างๆ ในโอซาก้าและระหว่างทาง การเช่ารถขับก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย เพราะถนนหนทางสามารถขับได้โดยง่าย สนใจเช่ารถขับ

ที่พักในเมืองเกียวโต ในเมืองเกียวโตมีที่พักหลายแบบและหลายระดับ โดยเฉพาะที่พักแนวบ้านญี่ปุ่นแบบเก่าที่ปรับปรุงมาเป็นบูติคโฮเต็ลนั้นกำลัง เป็นที่นิยมอย่างสูง ดูรีวิวและหาห้องพักถูกใจในแบบต่างๆ

 ที่มา Skyscanne.co.th

ถ่ายเซลฟี่ให้ดูดีอย่างโปร ด้วยเทคนิคและอุปกรณ์เสริมขั้นเทพ!

มาติดกระแสเซลฟี่ซะหน่อยด้วยการหยิบกล้องถ่ายภาพหรือกล้องมือถือของคุณขึ้นมา จัดการส่องหน้าสวยหล่อของตนเอง แล้วลั่นชัตเตอร์ด้วยรอยยิ้ม แต่บ่อยครั้งภาพที่ออกมากลับไม่สวยดั่งใจคุณแม้ว่าจะจัดท่าจัดทางให้ดูดีขนาดไหนแล้วก็ตาม เพราะการเซลฟี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ถ้าอย่างนั้น เสิร์ชเอ็นจิ้น Skyscanner จึงขออาสาช่วยคุณด้วยการแนะนำกล้องเซลฟี่ อุปกรณ์เซลฟี่ และเทคนิคพิเศษที่จะทำให้คุณถ่ายเซลฟี่ได้อย่างโปร และอัพลง Facebook ได้แบบสวยหล่อขั้นเทพ!

เทคนิคถ่ายเซลฟี่ให้ดูดี

1. ฝึกมุมถ่ายรูป
เป็นขั้นตอนแรกของการถ่ายรูปเซลฟี่สวย โดยคุณจะต้องหามุมของตนเองให้เจอ เนื่องจากเค้าโครงหน้าของแต่ละคนจะให้มุมที่ดูดีที่สุดไม่เหมือนกัน เช่น บางคนต้องถ่ายหน้าเฉียงซ้าย หรือเอียงขวา ลองซ้อมมือด้วยการถ่ายเล่นซ้ำหลายๆ ครั้งหลายๆ มุม และอาจใช้มือเป็นส่วนช่วยในการเพิ่มความน่าสนใจให้กับรูปภาพ เช่นการเท้าคาง ใช้มืออังใบหน้า หรือขยี้เส้นผมเล่นหูเล่นตาให้ดูทะเล้น แล้วให้เพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัวช่วยกันดูว่ามุมไหนของคุณดูดีที่สุดก่อนลงสนามจริง

โดยปกติแล้วการถ่ายภาพเซลฟี่จะดูดีกว่าเมื่อยกกล้องขึ้นสูงจากระดับสายตาเล็กน้อย และเอียงแขนออกมุมข้างอีกเล็กน้อย จะทำให้ใบหน้าดูมีมิติและมองเห็นคอ ไหล่ หรือลำตัวช่วงบนได้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการจับกล้องให้เลนส์เงยขึ้น เพราะจะทำให้หน้าดูบาน และหลีกเลี่ยงการกดกล้องให้ต่ำเกิน เพราะจะทำให้ใบหน้าดูลีบจนผิดรูป

2. เลือกกล้องที่ใช่
จริงๆ แล้วการเซลฟี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่กล้องหน้ามือถือเท่านั้น แต่กล้องหลังที่ชัดกว่าก็ทำได้ และกล้องดิจิตอลโดยเฉพาะก็ทำได้ ดังนั้นการจะนำกล้องอะไรมาใช้เซลฟี่ก็ขอให้ดูคุณสมบัติต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น

ใช้เลนส์มุมกว้าง (Wide) เพื่อทำให้เก็บภาพได้กว้างขึ้น
มีความละเอียดที่เหมาะสม ปัจจุบันกล้องหน้าเซลฟี่สวยๆ จะอยู่ที่ 2 – 8 ล้านพิกเซล
มีคุณสมบัติในการโฟกัสใบหน้า เพื่อการถ่ายภาพให้คุณอย่างแม่นยำ
มีคุณสมบัติในการปรับภาพถ่ายให้เนียนสวย (ฟรุ้งฟริ้ง)
รองรับ Bluetooth หรือรีโมทเซลฟี่เพื่อความสะดวกในการถ่าย
ปัจจุบันมีกล้องดิจิตอลหลายยี่ห้อที่ชูคุณสมบัติเด่นด้านการเซลฟี่มาแข่งขันกับสมาร์ทโฟนที่สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นเช่น Camera 360 หรือ B612 แต่ถ้าเลือกกล้องดิจิตอลก็อย่าลืมเลือกกล้องที่มีหน้าจอด้านหน้า หรือสามารถพลิกหน้าจอให้คุณได้เล็งมุมได้ แล้วการเซลฟี่จะสนุกมากขึ้นแน่นอน (ถ้าไม่มี กระจกเงาเล็กๆ ช่วยได้)

3. แสงก็สำคัญ
มุมสวยยังไม่พอ แสงก็เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ภาพเซลฟี่ของคุณ “เด่น” หรือ “ดับ” ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะแสงไฟในเวลากลางคืน เพราะแสงที่ไม่เพียงพอจะทำให้เกิดเงามืดบริเวณใต้ดวงตาและโหนกแก้ม หรือการถ่ายภาพย้อนแสงก็จะทำให้ใบหน้ามืดกว่าฉากหลัง ดังนั้นถ้าอยากได้ภาพเซลฟี่แบบสวยถูกใจล่ะก็หันหน้าเข้าหาแสงไว้ก่อน

นอกจากแสงที่ให้ความสว่างแก่ใบหน้าของผู้ถ่ายแล้ว แสงยังมีประโยชน์ในเรื่องของความสวยบนดวงตาอีกด้วย หากคุณถ่ายเซลฟี่โดยมีแหล่งกำเนิดแสงเช่นหลอดไฟอยู่ด้านหลังกล้อง ทำมุมหักเหจากสายตาเล็กน้อย เวลาถ่ายภาพดวงตาของคุณก็จะมีประกายอย่างมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใด หรือถ้ามีไฟวงแหวน ดวงตาของคุณก็จะมีวงแหวนเล็กๆ ในนัยตาดูมีเสน่ห์ไม่หยอกเช่นกัน

4. ไม้เซลฟี่ช่วยได้

ไม้เซลฟี่ คืออะไร? มันคืออุปกรณ์ยอดฮิตของที่ต้องมีติดตัวไว้เมื่อออกไปเที่ยว ยิ่งไปกันเป็นหมู่คณะแล้วอยากเซลฟี่กับสถานที่สวยๆ ล่ะก็ ลำพังแขนของคุณอาจยาวไม่พอต่อการเก็บภาพได้ทั่วทั้งหมด ไม้เซลฟี่จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญที่ยืดมุมกล้องออกไปได้ไกลขึ้น และไม้เซลฟี่ก็มีหลากหลายแบบและราคา ไม่ว่าจะเป็นไม้ถ่ายเซลฟี่ธรรมดาๆ ไปจนถึงไม้เซลฟี่ พร้อมรีโมท Bluetooth ที่สั่งลั่นชัตเตอร์ได้ และยังมีทั้งแบบหนีบง่ายๆ สำหรับการถือทั่วไป หรือแบบรัดกันหล่นที่ไม่ว่าจะผู้ถือไม้จะสั่นสะเทือนอย่างไรก็ไม่มีหลุด! เพียงเท่านี้ก็ได้ภาพเซลฟี่ในระยะที่ไกลขึ้น และเก็บเพื่อนๆ ได้ครบทุกคนอย่างง่ายดาย

วิธีการใช้ไม้เซลฟี่ก็ง่ายๆ แค่หนีบกล้องที่ปลายไม้ เชื่อมต่อรีโมทเซลฟี่กับกล้อง และดึงไม้เพื่อใช้ถ่ายภาพตามระยะที่ต้องการ แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ไม้เซลฟี่นั้นคุณจะต้องคำนึงถึงการพับเก็บให้เล็กที่สุด เพื่อไม่ได้เป็นภาระในการพกพา และที่สำคัญกว่าคือในบางประเทศไม่อนุญาตให้ใช้ไม้เซลฟี่ที่มีรีโมทในตัวโดยไม่ได้จดทะเบียน (เพราะถือเป็นอุปกรณ์สื่อสารเหมือนโทรศัพท์มือถือ) ดังนั้นศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนนำไปใช้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง




5. ขาเซลฟี่ก็เก๋ไ​ก๋
อุปกรณ์อีกชิ้นที่เหมาะกับคนที่ต้องการภาพที่คมชัดและตั้งใจสักหน่อย โดยขาตั้งกล้องเซลฟี่ (Mobile Tripod) ก็เหมือนกันขาตั้งกล้องตัวเล็กๆ ที่สามารถตั้งกล้องดิจิตอลหรือหนีบสมาร์ทโฟนได้ โดยทั่วไปจะมี 2 แบบคือขาตั้งตรงธรรมดาสำหรับวางบนโต๊ะหรือพื้นเรียบ กับขาที่บิดไปบิดมาได้สำหรับการวางกล้องบนพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ อย่างเนินหรือขอบกำแพง หรือใช้ขาพันเกาะกับวัตถุต่างๆ เช่นเสา และยิ่งไปกว่านั้นยังมีบางรุ่นที่ขาเป็นตัวดูดสุญญากาศให้เกาะบนผนังเพื่อสร้างมุมมองที่แปลกใหม่ในการถ่ายเซลฟี่ได้อีกด้วย

แต่การใช้ขาเซลฟี่นั้นจะค่อนข้างเสียเวลาในการจัดเตรียม มันจึงเหมาะกับการใช้ถ่ายภาพอย่างตั้งใจ เช่นการถ่ายภาพหมู่ หรือถ่ายภาพกับสถานที่หรือวัตถุที่หยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน แต่ก็เป็นวิธีการที่จะได้ภาพเซลฟี่ที่ได้มุมมองกว้างขวางและคมชัดที่สุดที่ผู้รักการถ่ายภาพเซลฟี่ทุกคนต้องชอบอย่างแน่นอน

ที่มา http://www.skyscanner.co.th/news/

8 เหตุผล ที่ทำให้ฝูงชนดั้นด้นขึ้นเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

สถานที่ยอดนิยมของคนไทย เรามีเรื่องน่ารู้มาฝาก กับ 8 เหตุผล ที่ทำให้ฝูงชนดั้นด้นขึ้นเขาคิชฌกูฏ
ภาพจากคุณ Top’s Attapon

1. ตำนานศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อ
นอกจากการนมัสการรอยพระพุทธบาท ที่เชื่อกันว่าเหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว บนยอดเขาคิชฌกูฏ นั้นยังมีปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนาอยู่มากมาย ทั้งศิลาเจดีย์ หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤาษี ลานแข่งรถพระอินทร์ หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ ทำให้ผู้คนอยากมาเห็นสักครั้ง

2. พิสูจน์กำลังใจและความอดทน
การเดินทางไปเขาคิชฌกูฏ ต้องเริ่มต้นที่วัดพลวง ต้องขึ้นรถกระบะโฟว์วีลไปตามถนนที่ลาดชันมาก ระยะทางราว 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร เหล่าฝูงชนต่างดั้นด้นขึ้นไปจนสุดปลายยอดเขา โดยมีความเชื่อกันว่าจะได้บุญสูงสุด และเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทนไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก

3. มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม
นอกเหนือจากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ที่นี่ยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่เพียบพร้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าพออิ่มบุญกันเสร็จแล้ว ก็มาเดินป่าต่อเลย

4. เต็มไปด้วยป่าไม้นานาพรรณ
ผืนป่าของที่นี่มีความหลากหลายพอสมควร ทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าผลัดใบ เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรและพันธุ์ไม้หายากมากมาย อย่างเช่นไม้กฤษณา เป็นต้น โดยป่าดิบชื้นจะครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานฯ ส่วนป่าดิบเขา จะอยู่บริเวณพื้นที่ยอดเขา

5. สัตว์ป่านานาชนิด
สำหรับนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และชอบส่องสัตว์ ไม่ควรพลาด เพราะที่นี่มีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็น กระทิง หมีควาย เก้ง กวางป่า เลียงผา เสือปลา หมูป่า อีเห็น พังพอน ค้างคาวแม่ไก่ นกกระทาทุ่ง ไก่ฟ้าหลังขาว นกกระปูด ฯลฯ

6. น้ำตกน่าเที่ยว

แน่นอนว่าบนภูเขา มักมีน้ำตก และที่นี่ก็จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง คุณจะได้พบกับสายน้ำอันเย็นฉ่ำของน้ำตกทั้ง 3 แห่งบนอุทยานฯ ไม่ว่าจะเป็น “น้ำตกกระทิง” เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 13 ชั้น โดยชั้นที่ 8-9 จะมีความสวยงามที่สุด โดยลำธารชั้นล่างของน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เพียง 100 เมตร แห่งต่อมาคือ “น้ำตกคลองช้างเซ” ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นเขาพระบาท ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินป่าศึกษาธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง

และสุดท้ายคือ “น้ำตกคลองไพบูลย์” น้ำตกชั้นเล็กๆ น้ำใส เย็นสะใจ มีแก่งหินน้อยใหญ่มากมาย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกันกับอุทยานฯ

7. จุดชมวิวแห่งเมืองจันทบุรี
บนยอดเขาพระพุทธบาท คุณจะพบกับอากาศที่เย็นสบาย เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน ใครยังไม่เคยไป ต้องลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

8. สนุกสนานกับการตั้งแคมป์
เมื่อมีการเดินป่า ก็ย่อมมีการตั้งแคมป์ เป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ของเหล่านักผจญภัย โดยในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ก็มีพื้นที่เตรียมไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์พักแรมกันด้วย หรือจะพักแบบบ้านพักเป็นหลังก็มีให้บริการ ที่สำคัญที่สุดของการเดินป่าและตั้งแคมป์ ทุกท่านควรรักษากฎของทางอุทยานฯ และรักษาธรรมชาติกันด้วยนะครับ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ โทร. 0 3945 2074
ข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/travel_tips/110897.html

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บูติก โฮเต็ล (Boutique Hotel) คือ?

ความรู้เกี่ยวกับ บูติก โฮเต็ล (Boutique Hotel) ในรายงานเรื่อง "การศึกษาโครงสร้างและผลการดำเนินงานของโรงแรมบูติคโฮเทล เปรียบเทียบกับโรงแรมระดับมาตรฐานทั่วไป" ของ จารุณี สุนทรนาค คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า โรงแรมบูติคโฮเทล คือโรงแรมขนาดเล็ก มีห้องพักจำนวนไม่มาก แต่เน้นการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ การให้บริการที่ใกล้ชิดกับลูกค้า โดยเน้นลูกค้าระดับบน

บูติคโฮเทลเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อต้นปีค.ศ.1980 จนปีถัดมาบูติคโฮเทล 2 แห่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ คือ เดอะ เบลก-The Blake ในกรุงลอนดอน ประเทศ อังกฤษ ด้วยจำนวนห้องพักเพียง 50 ห้อง และเดอะ เบดฟอร์ด-The Bedford ในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ก่อนขยายสู่ทั่วโลก

บูติคโฮเทลมีชื่อเรียกแตกต่างกันหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น "ฟังกี้ ชิก Funky-Chic" หรือ "ฮิป โฮเต็ล Hip-hotel" จนกระทั่งโรงแรมเดอะเบลกใช้คำว่า Boutique Hotel อย่างเป็นทางการ ความหมายของ Boutique (n) ตามพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ด คือร้านขนาดเล็ก มักขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ทันสมัย อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีการให้นิยามแก่บูติคโฮเทลได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการตกแต่ง และจำนวนห้องพัก แต่ส่วนใหญ่ให้ความหมายตามลักษณะของโรงแรมที่ประสบความสำเร็จ

ลักษณะเด่นของบูติคโฮเทล ที่ได้รับการยอมรับว่าทำให้ต่างจากโรงแรมระดับมาตรฐานทั่วไปมีอยู่ 3 ด้าน คือ 1.ด้านสถาปัตยกรรม (Architecture and design Style) เน้นการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นตัวตนของลูกค้า บางแห่งตกแต่งแบบโบราณ บางแห่งตกแต่งแบบทันสมัย ทั้งนี้ บูติคโฮเทลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักตกแต่งโดยผสมผสานด้านประวัติศาสตร์กับความทันสมัย เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากกว่าการเน้นไปในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

2.ด้านการบริการ (Service) เน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับลูกค้า ซึ่งบางแห่งพนักงานทุกคนจำชื่อลูกค้าที่เข้าพักได้ ทำให้ ลูกค้าเกิดความรู้สึกอบอุ่นเสมือนเป็นคนพิเศษ ในขณะที่โรงแรมทั่วไป หรือโรงแรมที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ไม่สามารถทำได้เพราะมีจำนวนห้องพักจำนวนมาก การบริการอย่างใกล้ชิดจึงเป็นไปได้ยาก และ 3.ด้านกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Target Market) เน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ต้องการหาความแตกต่างไปจากโรงแรมมาตรฐานทั่วไป ซึ่งเป็นลูกค้าที่รายได้เฉลี่ยสูง

จึงอาจกล่าวได้ว่าบูติคโฮเทลเป็นโรงแรมขนาดเล็ก จำนวนห้องไม่เกิน 150 ห้อง มีลักษณะเด่นด้านสถาปัตยกรรมการตกแต่ง การบริการ และการเน้นตลาดเป้าหมายที่ต้องการความแตกต่างจากโรงแรมทั่วไปที่เน้นการตลาดมวลรวมหรือความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขณะที่บูติคโฮเทลอาจไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลยก็ได้

ถึงแม้จะยังไม่มีคำจำกัดความที่แน่ชัดของบูติคโฮเทล และขนาดของโรงแรม แต่บูติคโฮเทลอาจแยกออกได้เป็น 2 รูปแบบตามลักษณะที่ตั้ง คือ 1.ซิตี้ โฮเต็ล เน้นให้ความสำคัญกับที่ตั้งที่อยู่ในเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจ ความสะดวกสบาย ความนิยมและความหรูหราของละแวกนั้น มักตั้งอยู่ในเมืองที่น่าอยู่ และเมืองเศรษฐกิจ การตกแต่งผสมผสานประวัติศาสตร์และศิลปะที่ถูกพิจารณาว่าทันสมัย มีเทคโนโลยี แต่เสริมสร้างบรรยากาศและโปรโมตอารมณ์ที่สอดคล้องระหว่างลูกค้ากับตัวตึก

และ 2.รีสอร์ต โฮเต็ล มีความแปลก เล็กและให้ความสนิทสนมใกล้ชิด เสนอความรู้สึกที่ไม่ใช่ความหรูหรา ทำเลที่ตั้งอาจซ่อนอยู่ในที่ไกล เช่น เกาะหรือหุบเขาที่ยากต่อการเดินทาง มีความทันสมัยที่ยังมีกลิ่นอายธรรมชาติ มีบริการที่พิเศษ อาจไม่มีการโปรโมตเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ แต่เสนอในรูปแบบของสปา สระว่ายน้ำส่วนตัว เป็นต้น