วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ด ของโลกยุคใหม่

มีหลายองค์กรในโลกยุคปัจจุบันต่างก็จัดทำบัญชี 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ขึ้น โดยมีเกณฑ์ในการคัดเลือกสถานที่ต่างๆ ต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ชัดคือ จำนวนสิ่งมหัศจรรย์ที่ได้รับการคัดสรรมานี้มีความหลากหลายทางอารยธรรมมากกว่าการจัดทำบัญชีฯ ในโลกยุคกลาง ซึ่งนอกจากจะมีอารยธรรมกรีก โรมัน และอียิปต์แล้ว ก็ยังมีอารยธรรมอื่นๆ ด้วย อาทิเช่น อินเดีย จอร์แดน และกลุ่มประเทศอเมริกาใต้

สิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ด ของโลกยุคใหม่ (New 7 Wonder of the World)

ซึ่งการจัดทำบัญชีเหล่านี้ มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกันในบางรายการ อาทิเช่น บัญชีฯ ของสมาคมวิศกรโยธาแห่งอเมริกัน ที่เน้นสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมในยุคปัจจุบัน หรือบัญชีฯ ที่จัดทำโดยหนังสือพิมพ์อเมริกา USA Today ร่วมกับรายการโทรทัศน์ Good Morning USA ที่คัดเลือกโดยผู้ทรงคุณวุฒิ แต่สำหรับบัญชีฯ ที่เป็นที่นิยมและรู้จักกันโดยทั่วไปได้แก่รายการสิ่งมหัศจรรย์ที่จัดทำโดยองค์กร New Wonders of the World ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่จัดทำขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 2001 - 2007 ซึ่งเราจะขอนำมาเสนอ ดังต่อไปนี้

รูปปั้นพระเยซูคริสต์ (Christ Redeemer)
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ความสูง 38 เมตร ที่มีความยิ่งใหญ่และสง่างาม บนยอดเขาโคคาวาโด (Cocavardo) ในเมืองริโอเดจาเนโร (Rio de Janero) ประเทศบราซิล เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1922 และใช้เวลาก่อสร้าง 9 ปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และเป็นจุดชมวิวเมืองริโอเดจาเนโรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง

กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China)
สิ่งมหัศจรรย์ที่ติดอันดับทั้งจากโลกยุคกลางและโลกยุคใหม่ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "กำแพงหมื่นลี้" สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ (Qin Si Huang) เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางเหนือ และมีการสร้างขยายต่อเติมมาถึงในสมัยราชวงศ์หมิง จากการสำรวจในปี ค.ศ. 2012 พบว่ากำแพงหลักและสาขาย่อยต่างๆ มีความยาวรวมกันเกือบ 22,000 กิโลเมตร โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิยมไปเยี่ยมชมกำแพงเมืองจีนกันที่เมืองปักกิ่ง

เมืองโบราณมาชูปิกชู (Machu Picchu)
มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เมืองสาปสูญแห่งอินคา" (The Lost City of The Incas) เป็นเมืองที่มีสิ่งปลูกสร้างกว่า 200 หลัง ตั้งอยู่ยอดเขาสูงในเขตคุสโค (Cusco) เมืองอูรูบัมบา (Urubamba) ประเทศเปรู สร้างโดยจักพรรดิปาชากูติ (Pachacuti) แห่งอาณาจักรอินคาในช่วงศตวรรษที่ 15 แต่ภายหลังจากที่สเปนเข้ามายึดครอง เมืองแห่งนี้จึงถูกปล่อยร้างทิ้งไว้กว่า 300 ปี และถูกค้นพบอีกครั้งโดยนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน ไฮแรม บิงแฮม (Hiram Bingham) ในปี ค.ศ. 1911

นครเพตรา (Petra)
เมืองโบราณที่สร้างโดยการเจาะและแกะสลักหินผาในหุบเขา ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาปเดดซี (Dead Sea) และอ่าวอัคบา (Gulf of Aqaba) ในเขตเมืองมาอัน (Ma'an) ประเทศจอร์แดน คาดว่าสร้างขึ้นในราว 312 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นเมืองหลวงของชาวนาบาเทียน (Nabataeans) สันนิษฐานว่านครแห่งนี้ถูกทิ้งร้างในปี ค.ศ. 106 จนกระทั่งถูกค้นพบอีกครั้งในปี ค.ศ. 1812 โดยโจฮันน์ ลุควิค เบิร์กฮาร์ท (Johann Ludwig Burckhardt) นักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์

พีระมิดแห่งเมืองชีเชนอิตซา (Chichen Itza)
เมืองโบราณของชาวมายา (Maya) ที่มีพื้นที่ครอบคลุมมากกว่า 5 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตเมืองทินัม (Tinum) ในคาบสมุทรยูคาทาน (Yucatan) ประเทศเม็กซิโก (Mexico) มีวิหารที่สร้างในลักษณะเป็นพีระมิด และมีแท่นบูชายัญสำหรับทำพิธีสังเวยเทพเจ้าอยู่ด้านบน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราว 600 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมาในราวปี ค.ศ. 1532 ชาวสเปนได้เข้ามายึดครองและถูกทิ้งร้างไปในที่สุด







สนามกีฬาโคลอสเซียม (Colosseum)
อีกหนึ่งผลงานการก่อสร้างที่ได้รับการจัดอันดับทั้งในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางและโลกยุคใหม่ เป็นสนามกีฬาขนาดมหึมาที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมของชาวโรมัน ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี สร้างขึ้นในราวคริสต์ศักราชที่ 70 สามารถจุผู้เข้าชมได้เป็นจำนวนหลายหมื่นคน สนามกีฬาแห่งนี้มีอายุยาวนานกว่า 2,000 ปี และยังเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬามาจนถึงยุคปัจจุบันอีกด้วย

ทัชมาฮาล (Taj Mahal)
สุสานหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ ที่เรียกได้ว่าเป็นอัญมณีแห่งศิลปะมุสลิมในประเทศอินเดีย ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำยมุนา (Yamuna) ในเมืองอักรา (Agra) สร้างตามพระราชดำริของจักพรรดิ ชาห์ จาฮาน (Shah Jahan) ในปี ค.ศ. 1632 ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 20 ปี เพื่อเป็นที่ฝังพระศพของพระมเหสีมุมทัช มาฮาล (Mumtaz Mahal) ต่อมาถึงช่วงปลายพระชนม์ชีพ จักรพรรดิ ชาห์ จาฮาน ถูกพระราชโอรสของพระองค์เองคุมขังเป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ และพระศพของพระองค์ได้ถูกฝังอยู่เคียงข้างพระมเหสีในทัชมาฮาลนั่นเอง

บัดนี้ การเดินทางย้อนอดีตอารยธรรมโลกของเราได้ปิดฉากลงแล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานของเรา และพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งหน้า

บทความจาก Skyscanner.co.th

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

5 เทคนิค การถ่ายภาพท่องเที่ยวอย่างง่ายๆ

5 เทคนิคการถ่ายภาพท่องเที่ยวอย่างง่ายๆ จาก Nikon
 

1. ยิ่งกล้องเบาเท่าไหร่ก็ยิ่งเดินทางท่องเที่ยวได้นานและสนุกขึ้น ดังนั้น นอกจากคุณสมบัติของกล้องแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเวลาเลือกซื้อกล้องดิจิทัลก็คือ ขนาดและน้ำหนัก กล้องดิจิทัลที่มีขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา จับถนัดมือ จะทำให้เราเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างคล่องตัว

2.ความสามารถในการปรับจอ LCD ที่รองรับการปรับได้ทั้งมุมต่ำและมุมสูง ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมุมองใหม่ๆ ในการถ่ายภาพได้อย่างสร้างสรรค์ทำให้ถ่ายภาพได้ง่ายและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพตนเองSelf-portrait โดยอัตโนมัติหรือภาพหมู่ก็กลายเป็นเรื่องง่ายในพริบตา

3.เลือกกล้องที่มาพร้อมกับเลนส์คุณภาพสูง ที่ให้ภาพสวยคมเลนส์คุณภาพสูงถือเป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ได้ภาพถ่ายคมชัด สีสันสวยงามเป็นธรรมชาติ รวมถึงการเลือกช่วงเลนส์ที่เหมาะกับสถานการณ์ที่ต้องการเก็บภาพ เช่น พกเลนส์ซูมมาตรฐานอย่างเลนส์ 10-30 มม สำหรับภาพมุมกว้างอย่างวิวทิวทัศน์และช่วงเทเลสำหรับถ่ายภาพบุคคล และเลนส์ 30-110 มม. เทเลซูมสำหรับการเก็บภาพจากระยะไกลเช่น ถ่ายภาพนก หรือภาพเรือด่วน

4.มองหากล้องที่มาพร้อมนวัตกรรมเพื่อผลงานที่สวยสมบูรณ์แบบเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาและคิดค้นขึ้นมาใหม่ทำให้ได้ภาพภาพที่สวยสมบูรน์แบบยิ่งขึ้น ช่วยให้ภาพที่ได้มีรายละเอียดคมชัดสูงสุดและมีสัญญาณรบกวนต่ำที่สุด เช่นการเก็บภาพสถาปัตยกรรมอันงดงามภายในโบสถ์ซางตาครู้สและรายละเอียดต่างๆ ภายในศาลเจ้าเกียนอันกง

5. ถ้าจะบันทึกภาพความประทับใจในรูปแบบภาพนิ่งเพียงอย่างเดียวก็อาจจะน้อยเกินไป การบันทึกวีดีโอเพื่อเก็บช่วงเวลาสนุกๆ ระหว่างการเดินทางก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มสีสันให้แก่ภาพความทรงจำ ถ้าพูดถึงลักษณะการถ่ายวีดีโอที่เทรนดี้สุดๆ ในตอนนี้ ก็คงไม่มีใครไม่รู้จักวีดีโอแบบ time-lapse ดังนั้น การเลือกใช้กล้องดิจิตอลที่สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่างก็จะทำให้เราสนุกกับการถ่ายวีดีโอในรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

สุดท้าย อย่าลืมพกพาความกล้าที่จะลองสร้างสรรค์ภาพถ่ายมุมมองใหม่ๆ พร้อมรอยยิ้มสดใสที่จะช่วยให้ทริปการเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความสดชื่น สนุกสนาน ติดตาตรึงใจอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน

เคล็ดลับ ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

วันนี้เรามีเคล็ดลับในการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกมาฝาก ซึ่งเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่วางแผนล่วงหน้า มีความยืดหยุ่นกับวันเดินทางหรือพร้อมที่จะเสี่ยงบ้างเล็กน้อย

เคล็ดลับ ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

จองล่วงหน้าอย่างน้อย 8 สัปดาห์: การวิจัยของ Expedia และ Airlines Reporting Corporation (ARC) พบว่าตั๋วเครื่องบินสำหรับเส้นทางภายในประเทศที่ราคาต่ำที่สุดมักจะหาได้ช่วง 50 - 100 วันก่อนเดินทาง ส่วนตั๋วเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ราคาถูกที่สุดจะอยู่ในช่วง 150 - 225 วันก่อนเดินทาง โดยข้อเสนอที่ดีที่สุดจะพบได้ก่อนบิน 171 วัน

การศึกษาที่คล้ายกันโดย CheapAir พบว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะจองเที่ยวบินภายในประเทศอยู่ระหว่าง 29 - 104 วันล่วงหน้า

นอกจากนี้สายการบินต่างๆ ยังมีการแจ้งตั๋วราคาถูกก่อนบินเพียง 2 สัปดาห์ในกรณีที่มีที่นั่งเหลือว่างอยู่เพื่อให้ผู้โดยสารเต็มลำ เว็บไซต์บางแห่ง เช่น Kayak มีบริการแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อราคาตั๋วลดลง

จองวันอาทิตย์หรืออังคาร: ARC วิเคราะห์การสั่งซื้อตั๋วจากตัวแทนการท่องเที่ยวและพบว่า สายการบินมักเสนอตั๋วราคาถูกมากในวันอาทิตย์และวันอังคารสำหรับเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะเป็นเช่นนั้นทุกเที่ยวบิน ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรตรวจสอบราคาทุกวันเพราะมีแนวโน้มที่ราคาจะผันผวน

เดินทางในวันหรือช่วงเวลาที่คนไม่นิยม: คนที่กำลังมองหาตั๋วราคาถูกควรเลือกเที่ยวบินขาไปในวันพฤหัสบดีและเดินทางกลับวันจันทร์ หรือจะเลือกบินออกวันเสาร์และกลับวันอังคารก็จะประหยัดเงินได้ถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับจองเที่ยวบินขากลับวันอาทิตย์

เว็บไซต์ FareCompare.com มีการวิเคราะห์เที่ยวบินหลายพันเที่ยวในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาและพบว่าค่าตั๋วมีราคาถูกที่สุดเมื่อเดินทางในวันพุธ

คนที่สามารถตื่นเช้าตรู่และสามารถนอนหลับบนเครื่องบิน ได้จะได้เปรียบเพราะเที่ยวบินราคาถูกที่สุด มักจะเป็นเที่ยวบินเช้าตรู่หรือตอนดึก นอกจากนี้การเดินทางในช่วงโลว์ซีซั่นรับประกันได้ว่าจะได้ดีลที่ดีกว่าแน่ๆ

ค้นหาตั๋ว “hidden city”: เวลาที่สายการบินจะบินไปยังปลายทางที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม มักใช้วิธีไปแวะพักในจุดที่นิยมแล้วตั้งราคาทั้งสายถูกมาก

เช่น จากจุด A ไปจุด C ซึ่ง C เป็นจุดหมายที่ไม่ค่อยนิยม ก็จะทำเส้นทางบินจาก A ไปแวะ B และไป C โดย B เป็นจุดที่คนนิยมกว่า แล้วตั้งราคาจาก A - B - C ถูกมาก จนบางครั้งถูกกว่าบินตรงจาก A ไป B คนก็เลยซื้อตั๋ว A - B - C แล้วพอถึง B ก็ลง ไม่ยอมไปต่อไป C

แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้คือควรใช้กับตั๋วเที่ยวเดียว เพราะสายการบินจะยกเลิกขากลับทันทีหากเราลงที่ B และไม่ไปต่อ และต้องไม่มีสัมภาระใต้ท้องเครื่องบินด้วย

เลือกบินหลายสายการบิน: ทุกวันนี้ผู้โดยสารสามารถค้นหาเที่ยวบินราคาถูกได้ทางออนไลน์แม้จะเป็นการบินเข้าและออกโดยสายการบินที่ต่างสายกัน เว็บไซต์ Opodo ทำให้ผู้โดยสารสามารถจองเที่ยวบินจากลอนดอนไปในมายอร์ก้าในช่วงเดือนพฤษภาคมเพียง 250 ปอนด์ หรือ 13,000 บาท โดยขาออกบิน Monarch Airlines ส่วนขากลับดำเนินการโดย easyJet

บินแบบมีจุดแวะพัก: นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ชอบบินแบบแวะพักเครื่อง แต่มันเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่คิดว่าเงินสำคัญกว่าเวลาเพราะราคาถูกกว่าบินตรง ในขณะที่การบินตรงจะแพงกว่าแต่ประหยัดเวลาได้มากกว่า

จองเป็นแพ็คเกจ: จากการศึกษาของ Expedia และ ARC พบว่าการจองทั้งเที่ยวบินและโรงแรมพร้อมกันผ่านบริษัทท่องเที่ยวแห่งเดียวกันสามารถประหยัดเงินได้เป็นหมื่นบาท โดยเฉพาะรีสอร์ทที่เป็นที่นิยมในเม็กซิโกหรือฮาวาย

เดินทางในนาทีสุดท้าย: หลายสายการบินหรือบริษัทท่องเที่ยวมักมีข้อเสนอราคาถูกสำหรับการจองล่วงหน้าเพียงไม่กี่วันก่อนการเดินทาง เพราะจะได้ขายที่นั่งให้หมด แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มียืดหยุ่นในการเดินทางมากกว่าคนที่วางแผนการเดินทางแบบเฉพาะเจาะจง ถ้าใครไม่ซีเรียสลองใช้ “Everywhere” ของ Skyscanner ในการค้นหาจุดหมายปลายทางที่มีราคาตั๋วถูกที่สุด

ลบคุ๊กกี้บนบราวเซอร์:
คุ๊กกี้คือข้อมูลการเข้าเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งจะถูกบันทึกไว้ที่เว็บบราวเซอร์ การลบมันออกจะทำให้ผู้บริโภคได้เปรียบคนขายบนออนไลน์ซึ่งมักจะบันทึกการเข้าถึงข้อมูลการค้นหาสินค้าของลูกค้า

บล็อกเกอร์ท่องเที่ยว JohnnyJet.com เขียนว่าเขาเจอตั๋วไปกลับลอสแอนเจลิส - ลาสเวกัสในราคา 159 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเขาค้นหาอีกครั้งบนเว็บไซต์เดียวกันในวันรุ่งขึ้นราคาเพิ่มขึ้นเป็น 348 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อเขาค้นหาใหม่โดยใช้เว็บบราวเซอร์ที่แตกต่างกันราคาก็กลับไปที่ 159 ดอลลาร์สหรัฐฯ ใครที่ไม่ได้มีหลายบราวเซอร์ก็สามารถล้างคุ๊กกี้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้

ลงทะเบียนเพื่อรับจดหมายข่าว:
เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้รับข้อเสนอจากสายการบินและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะส่งอีเมล์ 1 หรือ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ที่เสนอดีลนาทีสุดท้ายหรือตั๋วราคาพิเศษสำหรับเที่ยวบินในอีกไม่กี่เดือน บางสายการบินก็ส่งข้อเสนอพิเศษเฉพาะทางทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ค

ที่มา เว็บไซต์เดลี่ เมล และ www.bangkokbiznews.com

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ไปเที่ยวญี่ปุ่น ฟรีวีซ่า 15 วัน เขานับกันอย่างไร...

คำถามสุดฮิต สำหรับคนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่ขอวีซ่า แต่อยากอยู่ให้นานที่สุด ตามที่ญี่ปุ่นเค้ากำหนด นั่นคือ ไม่เกิน 15 วัน

ไปเที่ยวญี่ปุ่น ฟรีวีซ่า 15 วัน เขานับกันอย่างไร...


Q: ฟรีวีซ่า 15 วัน ในความหมายที่แท้จริงแล้ว นับอย่างไร?
A: หากคุณเดินทางเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นเมื่อไร วันแรกจะไม่ถูกนับ
ยกตัวอย่างเช่น คุณผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ​ สนามบินภายในประเทศญี่ปุ่น วันที่ 14 มิถุนายน เวลา 01.00 น. วันดังกล่าวก็จะไม่ถูกนับ นั่นหมายความว่าวีซ่าจะเริ่มนับจริงๆคือ วันที่ 15 มิถุนายน และนับต่อไปอีก 15 วัน กล่าวคือสามารถอยู่ได้ถึง 29 มิถุนายน เวลา 23.59 เท่านั้น

Q: หากอยู่เกิน 15 วัน จะเป็นอย่างไร
A: ทางเจ้าหน้าที่ ตม. จะถือเป็นการ Over Stay หรือพักอยู่เกินเวลา ซึ่งอาจมีการปรับ หรือพิจารณาโทษอื่นๆ ตามดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประเทศญี่ปุ่น

Q: หากต้องการไปท่องเที่ยว หรือพำนักเกิน 15 วันต้องทำอย่างไร?
A: สามารถติดต่อยื่นคำร้องได้ที่ ศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศญี่ปุ่น อาคารวันแปซิฟิคเพลส ชั้น 9 ยูนิต 910 เลขที่ 140 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัญหาสำหรับนักเดินทาง(มือใหม่) ที่หลายคนอาจประสบพบเจอ นั่นคือ เวลาออกเดินทาง หากในตั๋วเครื่องบินระบุว่า เครื่องบินออกเวลา 00.30 น. ของวันที่ 6 มิถุนายน นั่นหมายความว่า คุณจะต้องไปถึงสนามบินในช่วง 21.00 - 22.00 น. ของวันที่ 5 มิถุนายน เพื่อทำการตรวจบัตรโดยสาร (เช็กอิน) และผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองตามขั้นตอน

ย้ำกันอีกครั้ง หลังเวลา 00.01 น. จะถูกนับเป็นวันใหม่ตามมาตรฐานเวลาสากล ฉะนั้นตั้งสติให้ดี อย่าหลงวัน อย่าไปผิดสนามบิน ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ

อ้างอิงข้อมูลจาก http://pantip.com/topic/33731095

รวมสวนสนุก สวนน้ำ ที่มาเลเซีย

มาเลเซียเป็นประเทศหนึ่ง ที่มีสวนสนุกและสวนน้ำ ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้เป็นอย่างดี มีการผสมผสานบรรยากาศธรรมชาติ แหล่งชอปปิงระดับพรีเมี่ยม เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบจุดเดียวคุ้ม ลองมาดูกันว่าสุดยอดสวนสนุกในมาเลเซียนั้นมีที่ไหนบ้าง


รวมสวนสนุก สวนน้ำ ที่มาเลเซีย

เลโก้แลนด์ (Legoland.com.my) เมืองนูซาจายา รัฐยะโฮร์
ร่วมค้นหาโลกแสนกว้าง ภายใต้เมืองจำลอง Miniland ที่รังสรรค์ตัวต่อเลโก้กว่า 30 ล้านชิ้นสร้างสถานที่สำคัญ ทั่วเอเชียขนาดย่อมมาไว้ที่นี่ที่เดียว สนุกกับรถไฟเหาะ Duplo Express ตะลุยลอยฟ้าทั่วสวนสนุกแบบเดี่ยวแบบกลุ่มได้อย่างจุใจ สร้างโมเดลเลโก้เฉพาะตน ณ Lego Academy ผจญภัยทะลุสี่มิติกับหอคอย Kids Power พร้อมบุกแดนมังกรพ่นไฟในนิยายแบบเว่อร์ๆ กับปราสาทผจญภัย Lego Kingdom หรือจะลองขับรถ เรือ เครื่องบิน กับเครื่องเล่นจำลองสุดมันส์ในทุกมุมของ Lego City ปิดท้ายความเหนื่อยล้าทั้งวันแบบฉ่ำๆ ไปกับ LegoLand Water Park แห่งแรกในเอเชียและใหญ่ที่สุดในบรรดาเลโก้แลนด์ทั่วโลกกับสไลด์เดอร์สแปลชกว่า 20 เครื่อง ตัวต่อเลโก้กว่า 70 แบบ บนสวนน้ำที่รับประกันความปลอดภัยระดับสากล

ซานริโอ ฮัลโหล คิตตี้ ทาวน์ (Playtime.com.my) เมืองนูซาจายา รัฐยะโฮร์
นับเป็นสวนสนุกธีมฮัลโหล คิตตี้แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่นที่ขนขบวนความสนุกของคิตตี้รวมถึงหวานใจอย่างแดเนียลและผองเพื่อนอย่าง มิมมี่ แบดแบดมารุ มาสร้างสีสันกันแบบไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงโชว์ดนตรีของคิตตี้แอนด์เดอะแก๊งค์ เยี่ยมชมฮัลโหล คิตตี้ เฮ้าส์สุดอลัง สนามเด็กเล่นที่ฟูฟ่องไปด้วยเครื่องเล่นหวานๆ พร้อมร่วมผจญภัยช่วยชีวิตคิตตี้และแดเนียลจากตัวร้ายคุโรมิที่ปราสาท Black Wonder เซลฟี่แบบเลิศเลอที่สวน Dream Garden ซานริโอ ฮัลโหล คิตตี้ ทาวน์เป็นหนึ่งในสวนสนุกของปุเตรี ฮาร์เบอร์ แฟมิลี่ ธีมปาร์คที่ยังมีรวมสวนสนุก LAT’s Place และ The Little Big Club ไว้อีกด้วย ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของตัวการ์ตูนเหล่านี้ถือว่ามาจุดเดียว เที่ยวสุดคุ้ม

ซันเวย์ ลากูน (Sunwaylagoon.com) เมืองเปตาลิง จายา รัฐสลังงอร์
ก้าวเท้าเข้ามาที่ซันเวย์ ลากูน ที่อยู่ห่างจากเมืองกัวลาลัมเปอร์เพียง 15 นาที คุณจะเสมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งแฟนตาซี และความสนุกสุดมันระดับโลก ความบันเทิง 360 องศาพรั่งพร้อมด้วยเครื่องเล่นกว่า 80 ชนิดทั่วสวนสนุกแห่งนี้ ประกอบไปด้วย สวนน้ำ สวนสนุก สวนสนุกเอ็กซ์ตรีม สวนสัตว์และสวนสยอง เรียกได้ว่าครบทุกแนวของผู้รักการผจญภัย ไฮไลท์เด็ด เช่น สัมผัสเกลียวคลื่นสุดมันบนชายหาดโต้คลื่นเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก กระโจนลงสู่ waterplex 5 มิติ นวัตกรรมเครื่องเล่นบนน้ำที่มีเซนซอร์เพิ่มอรรถรสแห่งเสียง นอกจากนี้ยังมีเรือสำราญพาเที่ยวชมบนทะเลสาบโดยรอบ ตลอดทางผ่านพบสัตว์ประหลาดโผล่ผุดให้ได้ใจหายใจคว่ำ นั่งเรือเหงื่อตกแล้วก็ไปลงเล่นน้ำที่มีน้ำตกเลียนแบบธรรมชาติ ใหญ่เท่าๆ น้ำตกไนแองการ่า ถาโถมด้วยคลื่นสูง 60 เมตร ก่อนจะไปทิ้งตัวลื่นไถลบนสไลเดอร์โค้ง 45 องศา สวนสนุกผจญภัยธีมคาวน์บอยตะวันตกก็มีให้ได้ระทึกไปกับสะพานแขวน ที่แกว่งไกวอยู่บนฟ้าความยาวกว่า 428 เมตร เหนือทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาล ในส่วนของการผจญภัยนอกอาคารจัดให้มีการขี่ม้าพยศเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันเล่นๆ หรือจะลอง “สกาย ไฟล์เยอร์” (SKY FLYER) ที่มีลักษณะเสมือนเข็มนาฬิกายักษ์กวัดแกว่งโยกหน้าโยนหลังทำมุมกว้าง 360 องศา ก็ทำให้เลือดลมนักผจญภัยสูบฉีดได้เป็นอย่างดี

ซันเวย์ ลอสเวิร์ล ออฟ ตัมบูน (Sunwaylostworldoftambun.com) เมืองอีโปห์ รัฐเปรัก
ภายใต้ขุนเขาแห่งธรรมชาติ หนีจากความวุ่นวายสู่โลกแห่งความสนุกพร้อมสัมผัสประสบการณ์ผจญภัยเชิงอนุรักษ์แห่งแรกในมาเลเซีย สวนสนุกที่ซ่อนตัวท่ามกลางหุบเขาแสนงดงามอย่าง ซันเวย์ ลอสเวิร์ล ออฟ ตัมบูน ที่จะนำพาทุกท่านสนุกสนานกับสวนน้ำดำผุดดำว่ายใน Wave Pool สระเกลียวคลื่นที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย เกิดขึ้นจากการบรรจบของสองน้ำตกขนาดใหญ่สูงกว่า 20 ฟุต หรือร่อนลงบนผืนน้ำให้กระเซ็นสาดกับ Tube Raider สไลเดอร์สแปลชที่ยาวที่สุดในมาเลเซีย พร้อมชื่นฉ่ำไปกับโซนอาบน้ำผสานเสียงดนตรี ที่จะช่วยผ่อนคลายกายและใจอย่างสมดุล นอกจากครอบครัวแล้ว ที่นี่ยังเหมาะกับคู่รักที่อยากเปิดประสบการณ์หวานมัน ไม่ว่าจะเป็นการดินเนอร์ในถ้ำแสนงาม การทำสปาด้วยคริสตัล ให้อาหารเสือ โลดโผนกับกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังอินเดียน่าโจนส์ พักผ่อนแบบโรแมนติกที่โรงแรมบูทิคแสนทันสมัย หรือกางเต็นท์รับแสงจันทร์ข้างทะเลสาบงามก็ย่อมได้

คิดซาเนีย (Kidzania.com.my) เมืองเปตาลิง จายา รัฐสลังงอร์
มาจุดไฟแห่งการเรียนรู้ของเด็กๆ ในบรรยากาศสนุกสนาน ได้สาระบวกประสบการณ์ ด้วยมาตรฐานระดับโลกในฐานะศูนย์ความบันเทิงเพื่อการเรียนรู้ของเยาวชนแนวใหม่ที่คิดซาเนีย เมืองสร้างสรรค์ของเด็กๆ นำเสนอกิจกรรมแสดงบทบาทเสมือนจริง ให้เด็กๆ ได้ฝึกความรู้ และทักษะด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ในโรงพยาบาล นายธนาคาร หัวหน้าดับเพลิง เจ้าของร้านเสริมสวย พิธีกรทีวี ผู้กำกับ หรือตัวแสดงโรงละครและหลากหลายบทบาทอาชีพกว่า 100 รายการ พร้อมประสบการณ์การเรียนรู้เสมือนจริงด้วยการใช้เงินสกุลคิดซาเนียในการดำรงชีวิต การฝึกเข้าคิว การเปิดบัญชีธนาคารคิดซาเนีย นวัตกรรมไฮเทคสุดล้ำเสริมสร้างจินตนาการให้เด็กๆ มีความสุขพร้อมเรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตได้อย่างมีหลักการ นอกจากนี้ยังมีเอาท์เลท ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึกให้ชอป ชม ชิลล์กันแบบจุใจ

ช่วงนี้ใครกำลังปรารถนาความตื่นเต้นให้กับชีวิตหรือมองหาที่เที่ยวที่สนุกสนานกันได้ทั้งครอบครัว สวนสนุกเหล่านี้นับเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ

......................
หมายเหตุ :
1. แม้สวนสนุกและสวนน้ำแต่ละแห่งยินดีต้อนรับผู้เยี่ยมเยือนในทุกระดับอายุ แต่ละสวนสนุกอาจมีการกำหนดส่วนสูงและน้ำหนักขั้นต่ำสำหรับกิจกรรมบางประเภท
2. ข้อมูลทั้งหมดถูกต้อง ณ เวลาการตีพิมพ์จดหมายข่าวฉบับนี้
3. ผู้เยื่ยมเยือนควรติดต่อที่สวนสนุกแต่ละแห่งก่อนการเดินทางเพื่อข้อมูลข่าวสารอัพเดทเพิ่มเติม)


ที่มา Bangkokbiznews.com

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

18 วิธีประหยัดเงินแบบง่ายๆ เพื่อเพิ่มเงินออม

เก็บตังค์ไปท่องเที่ยวกันเถอะ เก็บวันละนิด สักวันเราจะไปเที่ยวยอดโลก

1. กำหนดการชำระเงินแบบอัตโนมัติ ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ควรที่จะกำหนดให้จ่ายรายเดือนแบบอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมจากการชำระเงินล่าช้าและหลีกเลี่ยงค่าปรับ/ดอกเบี้ย  คุณสามารถขอใช้บริการชำระเงินอัตโนมัติผ่านทางธนาคารทั่วไป หรือกับบริษัทอื่นๆ ที่ให้บริการ


18 วิธีประหยัดเงินแบบง่ายๆ เพื่อเพิ่มเงินออม
 
2. ซื้ออาหารเฉพาะเท่าที่จะทานเท่านั้น ในแต่ละปีคนส่วนใหญ่จะทิ้งอาหารเกือบ 15% ของอาหารที่พวกเขาซื้อมา ซึ่งถือว่าเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว เราควรประหยัดเงินด้วยการซื้อเฉพาะอาหารที่เราจะทานเท่านั้น

3. ยกเลิกบริการที่คล้ายคลึงกัน เลือกใช้บริการใดบริการหนึ่งเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นบริการอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ และเคเบิลทีวี การจ่ายเงินให้กับบริการมีความคล้ายกัน เป็นความไม่ฉลาดเป็นอย่างยิ่ง

4. ชำระหนี้บัตรเครดิต หากค้างชำระหนี้บัตรเครดิตในแต่ละเดือนไว้ จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของดอกเบี้ยจากหนี้บัตรเครดิต ดังนั้นจึงควรที่จะชำระหนี้ให้ตรงเวลา และจดบันทึกรายการยอดบัตรเครดิตทุกครั้งที่มีการใช้จ่าย เพื่อป้องกันการใช้เกินวงเงิน และดอกเบี้ยจากการค้างชำระ

5. เครื่องหมายบนปฏิทิน การเช่าหนังสือจากห้องสมุด เช่าวีดีโอ ฯลฯ การผ่อนชำระบ้านและรถรายเดือน ให้ทำเครื่องหมายบนปฏิทินเพื่อจะได้รู้วันครบกำหนดที่จะต้องนำของไปคืนหรือจ่ายค่างวด เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ  

6. ยื่นภาษีตรงเวลา ยื่นภาษีให้ตรงเวลาตามที่กำหนดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ ค่าธรรมเนียม จากการส่งภาษีล่าช้า

7. การโอนเงินกองทุนไปยังที่ใหม่ หากมีการเปลี่ยนงานใหม่ และได้มีการลงทุนไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับบริษัทเก่า ให้ทำการโอนเงินลงทุนย้ายมายังบริษัทใหม่ที่ทำงาน ณ ปัจจุบัน เพื่อนำมาลงทุนต่อในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับนายจ้างใหม่ภายในระยะเวลา 60 วัน เพื่อที่เราจะได้ลงทุนต่อเนื่องและยังคงได้รับผล ประโยชน์ทางภาษีเช่นเดิม อย่าถอนเงินออกจากกองทุนเป็นอันขาด เพราะถ้าถอนเงินออก เงินที่ได้รับนั้นจะต้องนำมารวมกับเงินได้ต่อปี เพื่อใช้ในการเสียภาษี และการมีเงินเพิ่มแบบนี้มักทำให้เราเผลอใช้ไปจนเกือบหมด

8. เปลี่ยนบัตรเครดิต หากถือบัตรเครดิตใดมีอัตราดอกเบี้ยสูง ควรตรวจสอบว่าบริษัทผู้ออกบัตรรายอื่นๆ คิดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างกันอย่างไร เพื่อเปรียบเทียบกับบัตรเครดิตที่เราถืออยู่ แล้วเลือกบัตรเครดิตที่เสนอเงื่อนไขดีที่สุด

9. ใช้สิทธิจากการเป็นสมาชิก ตรวจสอบดูว่า เราเป็นสมาชิกของบริษัทหรือองค์กรไหนบ้าง และตรวจสอบองค์กรที่เราเป็นสมาชิก เพื่อดูว่ามีการให้สิทธิพิเศษหรือส่วนลดอย่างไรบ้าง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้สามารถประหยัดเงินได้อีกทาง

10. ให้เช่าแทนการซื้อ ของใช้สิ่งไหนที่นานๆ ครั้งจะใช้ หรือใช้แค่ครั้งเดียว เช่น ชมภาพยนตร์ หนังสือ เป็นต้น เราควรที่จะใช้วิธีการเช่าหรือยืมแทนการซื้อ เพื่อเป็นการประหยัดเงินสำหรับสิ่งของที่ไม่จำเป็นได้

11. ซื้อแทนเช่า เช่าหรือยืมอาจเป็นตัวเลือกที่ดีในหลายกรณี แต่ไม่ควรจ่ายค่าเช่าในราคาที่สูง สำหรับการเช่าสิ่งที่ต้องใช้เป็นประจำทุกวันและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน (คอมพิวเตอร์ เฟอร์นิเจอร์ และเครื่อง ใช้ต่างๆ เป็นต้น) ดังนั้นจึงควรที่จะซื้อสิ่งเหล่านี้แทนการเช่าหรือยืม

12. สอบถาม  หากต้องการประหยัดเงิน เราควรสอบถามว่าทำอย่างไรถึงจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจากบัตรเครดิตหรือสินเชื่อที่เราใช้บริการอยู่ หรือสอบถามส่วนลด หรือ Promotion ในบริการต่างๆ ที่เราใช้อยู่ เช่น บริการโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

13. เช็คยอดเงินสมุดบัญชี การเช็คยอดเงินในสมุดบัญชี เป็นวิธีที่ใช้เวลาไม่มากเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ควรจะทำ เพื่อตรวจสอบยอดเงินคงเหลือ วิธีนี้ช่วยหลีกเลี่ยงการเบิกเงินเกินบัญชีและใช้จ่ายเกินงบประมาณได้

14. ทำธุรกรรมการเงินผ่านธนาคารเดียวกัน ถ้าต้องการถอนเงิน เราสามารถเลือกที่จะใช้บัตร ATM เพื่อประหยัดค่ารถในการเดินทางไปถอนเงินที่ธนาคาร และควรที่จะเลือกตู้ ATM ของธนาคารที่คุณมีบัญชีไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมต่างธนาคาร

15. ใช้โทรทัศน์ให้เป็นประโยชน์ หากเราต้องจ่ายเงินค่าเคเบิลทีวีทุกๆ เดือน ทำไมถึงไม่ใช้ประโยชน์จากทีวีให้คุ้มค่า ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินจากรายจ่ายอื่นๆ ได้มากทีเดียว เพราะเราสามารถยกเลิกสมาชิกร้าน DVD แล้วหันมาดูหนังผ่านทางช่องเคเบิลทีวีแทน หรือสามารถยกเลิกสมาชิกฟิตเนส แล้วหันมาออกกำลังกายไปพร้อมๆ กันกับช่องทางเคเบิลทีวีที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย หรือ สามารถยกเลิกสมาชิกนิตยสารต่างๆ แล้วหันมาดูรายการจากเคเบิลทีวีที่มีลักษณะคล้ายกันกับเนื้อหาในนิตยสารแทน เพียงเท่านี้เราก็สามารถประหยัดรายจ่ายได้เยอะทีเดียว

16. ใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ บางคนยังไม่รู้ว่าคุณสามารถการดูรายการโปรดของคุณฟรีผ่านอินเตอร์เน็ต รวมทั้งหาบทความความรู้ต่างๆ รวมถึงความบันเทิงได้มากมายโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว

17. เลิกกินเหล้าสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่และดื่มสุรา นอกจากไม่มีประโยชน์และทำลายสุขภาพแล้ว ยังผลส่งให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอีก ถ้าเลิกสูบบุหรี่และกินเหล้าได้ จะสามารถประหยัดเงินได้มากขึ้นเป็นหลายพันบาทต่อเดือนทีเดียว นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันและค่ารักษาสุขภาพในระยะยาวได้อีกด้วย

18. การทำอาหารรับประทานเอง การทำอาหารรับประทานด้วยตัวเองนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นงานที่มีขั้นตอนยุ่งยาก และใช้เวลาในการทำค่อนข้างนานกว่าการออกไปทานอาหารนอกบ้าน แต่หากเข้าใจเคล็ดลับและมีความชำนาญก็จะใช้เวลาน้อย และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว นอกจากนี้ ยังทำให้ครอบครัวอบอุ่น มีกิจกรรมร่วมกันอีกด้วย

ที่มา Fwdmail

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ที่นั่งดีๆ บนเครื่องบิน ที่จะได้เห็นวิวสวยๆ

คำแนะนำของเหล่านักบินจากสายการบริติชแอร์เวย์สถึงเส้นทางและที่นั่งที่ผู้โดยสารทั่วไปจะได้รับประสบการณ์เฉกเช่นเดียวกับกัปตันที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของเครื่องบิน





 ที่นั่งดีๆ บนเครื่องบิน ที่จะได้เห็นวิวสวยๆ

เส้นขอบฟ้าชิคาโก: มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาได้ว่าเครื่องบินที่จะลงจอดที่สนามบินมิดเวย์ ของชิคาโกจะลงจอดที่ด้านไหน เนื่องจากรันเวย์เป็นตัว X แต่ถ้าคุณบินมาจากทางทิศตะวันออกคุณจะได้เห็นเส้นขอบฟ้าของชิคาโกอย่างใกล้ชิดถ้านั่งด้านขวาของเครื่องบิน และเนื่องจากตัวสนามบินตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่น คุณจะรู้สึกว่าคุณกำลังอยู่ในใจกลางเมืองขณะกำลังร่อนลง

แกรนด์ แคนยอน: ใครที่นั่งด้านซ้ายของเครื่องบินจะได้เห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของ แกรนด์ แคนยอน ดินแดนแห่งหน้าผาและหุบเหวสลับซับซ้อนแห่งรัฐอริโซน่าที่ทอดกายเหยียดยาวอยู่ตรงหน้า

เกาะโบรา โบรา: เครื่องบินที่บินไปเกาะนี้ไม่เปิดให้จองที่นั่งล่วงหน้า ดังนั้นในคู่มือนำเที่ยวจึงมีข้อมูลหนึ่งหน้าที่แนะนำว่าคุณควรจะนั่งฝั่งไหนของเครื่องบิน กุญแจสำคัญก็คือคุณควรจะไปถึงสนามบินก่อนเวลามากๆ เพื่อจะได้มั่นใจว่าจะได้ที่นั่งฝั่งซ้ายของเครื่องบิน และรับรองว่าภาพแนวปะการังที่บริสุทธิ์และทะเลสาบตรงหน้าตอนร่อนลงจอดจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

ภูเขาไฟฟูจิ: ไม่ว่าจะบินเข้าหรือออกจากสนามบินนาริตะของโตเกียว คุณจะสามารถมองเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิโผล่เหนือเมฆบนท้องฟ้า ถ้าเป็นเที่ยวบินขาเข้า คุณจะมองเห็นโตเกียวและภูเขาฟูจิถ้านั่งทางด้านขวา คุณอาจสามารถมองเห็นมันได้จากที่นั่งฝั่งซ้ายถ้าเครื่องบินลำนั้นบินมาจากทางทิศใต้และกำลังตีวงเข้าใกล้สนามบิน

ลาสเวกัส: วิวของสนามเด็กเล่นสำหรับผู้ใหญ่ของอเมริกาจะมองเห็นได้ดีที่สุดก็คือเวลากลางคืนเมื่อมองลงมาจากที่นั่งด้านขวาของเครื่องบินขณะเครื่องบินร่อนลงจอด เพราะคุณจะมองเห็นแสงระยิบระยับของเมืองที่มีโรงแรมขนาดใหญ่และบ่อนคาสิโน แต่ไม่ต้องกังวลถ้าคุณนั่งอยู่ฝั่งซ้าย เพราะคุณยังคงสามารถที่จะเห็นแสงแวววาวเมื่อเครื่องบินกำลังแท๊กซี่อยู่บนพื้น

ลอนดอน: เที่ยวบินส่วนใหญ่ที่บินลงสนามบินฮีทโธรว์มักจะมาจากทางทิศตะวันออก และที่นั่งทางด้านขวาเป็นจุดที่ดีที่สุดที่จะเห็นวิวอันสวยงามของกรุงลอนดอนไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำเทมส์และแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงอื่นๆ เช่น โอทู อารีน่า เขตกรีนิช

ซิดนีย์ ฮาร์เบอร์: ถ้าบินออกจากซิดนีย์ ให้นั่งด้านขวามือของเครื่องบินเพื่อชมวิวที่ดีที่สุดของอ่าวซิดนีย์ซึ่งเป็นอ่าวธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้โดยสารจะได้เห็นวิวทางอากาศที่ดีที่สุดของสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์และโอเปร่าเฮ้าส์

สะพานโกลเด้น เกทและอัลคาทราซ: ถ้าบินออกจากซานฟรานซิสโกและเลือกนั่งด้านซ้ายของเครื่องบิน วิวที่มองเห็นคือสะพานโกลเด้น เกท หรือจะเลือกนั่งด้านขวาก็จะได้เห็นเกาะอัลคาทราซซึ่งเคยเป็นคุกชื่อดังและสถานที่ตั้งประภาคาร ป้อมปราการของกองทัพสหรัฐอเมริกา

เคปทาวน์และภูเขาโต๊ะ: ใครที่บินมาจากทางตอนเหนือของประเทศแอฟริกาใต้และมุ่งหน้าไปยังสนามบินเคปทาวน์ ไม่ว่าจะนั่งอยู่ฝั่งไหนของเครื่องบินคุณก็จะเห็นวิวทิวทัศน์อันน่าทึ่งและงดงามของแคมปส์เบย์โดยเฉพาะถ้าเป็นไฟล์ทเช้า

ลอสแอนเจลิส: ใครที่มุ่งหน้าไปยังสนามบินลอสแอนเจลิสและบินมาจากฝั่งตะวันออกขอแนะนำให้นั่งที่ด้านขวาของเครื่องบิน เพราะคุณจะไม่พลาดชมความงดงามของเทือกเขาซาน เกเบรียล แม่น้ำลอสแอนเจลิส ย่านดาวน์ทาวน์ของแอลเอ ป้ายฮอลลีวู้ดและเซ็นจูรี่ ซิตี้ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทภาพยนตร์ทเวนตี้ท์ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์

และสตูดิโอ สำหรับไฟล์ทกลางคืน ไม่ว่าจะนั่งฝั่งไหนผู้โดยสารก็จะได้รับชมทัศนียภาพที่งดงามของเมืองที่สว่างไสวไปด้วยไฟถนนและแสงนีออน

สุนทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา


สำหรับคนที่เคยไปเกาหลี และชื่นชมพิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์ สุนทรีแลนด์ ...ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ถึงจะไม่ได้อลังการงานสร้าง แต่ที่นี่ก็รวบรวมตุ๊กตาไว้นับร้อยๆ ตัว จัดแสดงภายใต้ธีมต่างๆ หลากหลายมากมาย โดยมีที่มาน่าสนใจคือเจ้าของ สุนทรี เอี่ยมหนู หลังจากทำโรงงานผลิตตุ๊กตามายาวนากว่า 30 ปี รู้สึกอยากให้คนได้สัมผัสและเห็นถึงฝีมือการทำตุ๊กตาของคนไทย จึงคิดนำเสนอตุ๊กตาเหล่านี้ในรูปแบบของสถานที่สันทนาการเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี

'สุนทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา' แบ่งโซนจัดแสดงออกเป็นหลายส่วนทั้งในอาคารและกลางแจ้ง ที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่เห็นจะเป็นโซนที่เต็มไปด้วยหมีตัวใหญ่ในอิริยาบทต่างๆ อาทิ หมีในชุดประจำชาติของประเทศอาเซียน หมีที่แสดงถึงวิถีวัฒนธรรมไทย นอกจากนี้เด็กๆ ยังได้ตื่นเต้นกับการหาทางออกจากเขาวงกต และโซนอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนใครที่ชอบความแปลกใหม่ อีกอาคารเป็นตุ๊กตาหน้าโหดหลากหลายแบบ ตกแต่งเป็นบรรยากาศยามราตรี แต่ไม่ต้องกังวล ไม่ได้น่ากลัวอะไร ดูได้เพลินๆ



จุดเด่นของสุนทรีแลนด์ นอกจากจะดูด้วยตา ถ่ายภาพกันได้แบบจุใจแล้ว ยังสามารถจับเล่นหรืออุ้มกอดได้ โดยตุ๊กตาเหล่านี้จะมีการนำไปทำความสะอาดตามระยะเวลาที่กำหนดและเปลี่ยนตัวใหม่มาให้เล่นแทน ส่วนใครที่อยากแปลงร่างเป็นตุ๊กตาที่ชื่นชอบสามารถเช่าชุดมาสคอตมาใส่ถ่ายภาพได้ หรือถ้าจะทดลองทำตุ๊กตา เขาก็มีห้องงานประดิษฐ์ให้คุณได้สร้างสรรค์ตุ๊กตาในแบบของตัวเอง เรียกว่าเป็นแหล่งศึกษาดูงานการทำตุ๊กตาที่ครบวงจรเลยทีเดียว

เดินชมจนพอใจ หากจะนั่งพักชิลล์ๆ ก็มีร้านกาแฟและร้านอาหารสไตล์น่ารักๆ ไม่หลุดคอนเซ็ปต์ไว้บริการ ส่วนใครอยากจะได้ตุ๊กตาตัวโปรดกลับไปเชยชมที่บ้านหรือซื้อเป็นของที่ระลึก สุนทรีแลนด์ก็มีร้านตุ๊กตาหลากหลายแบบจากโรงงานสุนทรีจำหน่ายด้วย

ใครอยากเที่ยวแบบย้อนวัย หรือพาเด็กๆ ไปเติมจินตนาการความสนุกสนาน สุนทรีแลนด์ รอคุณอยู่ที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี บริเวณกิโลเมตรที่ 84 เข้าซอยเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ ตรงมา 4 กิโลเมตร อยู่ด้านซ้ายมือ แต่ถ้ามาจากนครปฐม วิ่งเส้นเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 84 ด้านซ้ายจะเป็นโรงเรียนอนุบาลโพธาราม เลี้ยวซ้ายเข้ามาอีก 4 กิโลเมตร จะอยู่ซ้ายมือ เปิดบริการทุกวัน (หยุดวันพุธ) ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 80 บาท และเด็ก 40 บาท (สอบถามโทร 08 2024 2888, 08 20217888, เว็บไซต์ : http://www.suntreelandofdolls.com, เฟสบุ๊ค : facebook.com/suntreeland)

เนื้อหาจาก http://www.bangkokbiznews.com/

หมดยุค “เซลฟี่”? แล้วหรือไง?

เทรนด์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวในยุคศตวรรษที่ 21 ก็คือจะทำอย่างไรให้แน่ใจว่าพวกเขามีภาพถ่ายตอนเที่ยวที่ดีที่สุดเพื่อเอาไปโพสต์บนโซเชียล ... ซึ่งมีวิธีการมากมายที่นักท่องเที่ยวพยายามทำตั้งแต่ใช้ไม้เซลฟี่ไปจนถึงฟิลเตอร์แต่งภาพบนอินสตาแกรม

และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทท่องเที่ยว El Camino หารายได้จากเทรนด์ดังกล่าวโดยการส่งช่างภาพไปกับนักท่องเที่ยวด้วย


หมดยุค “เซลฟี่”?

El Camino เสนอบริการให้นักท่องเที่ยวสามารถจ้างช่างภาพส่วนตัว 1 คนติดตามคณะไปถ่ายภาพการเดินทางอันน่าทึ่งที่พวกเขาไม่สามารถถ่ายเองได้ เพื่อจะได้มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะมีอัลบั้มภาพที่สวยงามและเป็นที่น่าอิจฉาเมื่อนำไปโพสต์บนโซเชียลมีเดีย

บริการนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียเวลาแต่งภาพเพื่อให้ได้ภาพที่สวยที่สุด ก่อนนำมาโพสต์ เพราะช่างภาพคนนี้จะเป็นคนดูแลจัดการให้ทั้งหมด โดยทุกเช้าช่างภาพจะส่งภาพจำนวน 20 รูปหรือมากกว่าให้นักท่องเที่ยวอัพโหลดและแชร์ภาพบนโซเชียลมีเดีย และจะส่งให้อีก 150 ภาพหลังจากจบทริป

บริษัทยังช่วยจัดการสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเดินทางไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ปทัวร์ หรือนักเดินทางคนเดียวที่ต้องการไปรวมกลุ่มกับคนอื่น

ปัจจุบันบริษัทเสนอทัวร์ผจญภัยไปโคลัมเบียและนิการากัวเท่านั้น แต่ก็พร้อมให้บริการการเดินทางตามที่ลูกค้าต้องการด้วย

ประเภทของกิจกรรมในทัวร์จะเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ถ่ายภาพออกมาสวยรวมถึงการแช่โคลนภูเขาไฟและเต้นซัลซ่าในโคลัมเบีย การเล่น

กระดานโต้คลื่นและเดินเที่ยวตลาดช่างฝีมือในนิการากัว

ทางบริษัทให้ความมั่นใจว่าลูกค้าทุกคนจะได้รับบริการตามที่ต้องการ นอกจากนั้นช่างภาพมืออาชีพยังจะบอกเทคนิคของการถ่ายภาพเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พัฒนาทักษะการถ่ายภาพของตัวเองด้วย

นอกจากนี้ผลกำไรยังนำไปช่วยท้องถิ่น เพราะแต่ละทริปจะช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ซึ่งจะมาพบปะกับนักท่องเที่ยวระหว่างการเดินทางเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าประเทศของพวกเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

ราคาทัวร์และช่างภาพเริ่มต้นที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคลด้วย
.............................
ที่มา เว็บไซต์เดลี่ เมล และ http://www.bangkokbiznews.com/

*** เป็นธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

โรงแรมมาดูซิ (Maduzi Hotel) กรุงเทพฯ โรงแรมยอดเยี่ยม จาก booking.com

โรงแรมมาดูซิ Maduzi Hotel กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมสไตล์บูติกขนาดเล็กที่ให้บริการห้องพักจำนวน 40 ห้อง ตั้งอยู่บริเวณถนน อโศก – สุขุมวิท ใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าอโศก และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที เพียงไม่กี่นาทีเข้าสู่ตัวโรงแรม
โรงแรมมาดูซิ (Maduzi Hotel) กรุงเทพฯ โรงแรมยอดเยี่ยม จาก booking.com



มาดูซิพร้อมมอบความเป็นส่วนตัวและบริการระดับ 5 ดาวที่จะจัดสรรให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคล  และยังมีนโยบายปิดประตูทางเข้าโรงแรมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดและสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า โดยให้บริการห้องพักที่กว้างขวางพร้อมจากุซซี่ส่วนตัว, เครื่องชงกาแฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยอีกมากมาย  มาดูซิพร้อมสรรสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่มีระดับที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

โรงแรมมาดูซิ กรุงเทพฯ ได้รับรางวัลโรงแรมยอดเยี่ยมประจําปี 2557 จากเว็บไซต์ Booking.com เว็บไซต์ให้บริการสํารองห้องพักชั้นนําของโลก โดยได้รับคะแนน 9.2 คะแนน วัดจากความพึงพอใจโดยรวมและจากการรีวิวโรงแรมของแขกผู้มาเยือน ตอกย้ำมาตรฐานการให้บริการระดับสากล และสิ่งอํานวยความสะดวกที่ครบครันและทันสมัย

รางวัลดังกล่าวมอบให้แก่โรงแรมที่มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์สูง (มากกว่า 8 คะแนนขึ้นไป) พิจารณาจากความพึงพอใจของแขกผู้เข้าพักจากทั่วโลก

เว็บไซต์ http://www.maduzihotel.com/

Dino Water Park สวนน้ำแห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน

'ไดโน วอเตอร์ พาร์ค' สวนน้ำขนาดใหญ่ ด้วยพื้นที่กว่า 30 ไร พร้อมด้วยเครื่องเล่นสนุกๆ มากมาย ในธีมที่ตกแต่งแบบจูราสิคปาร์ค ยุคไดโนเสาร์ ไฮไลท์ของสวนน้ำไดโนวอเตอร์พาร์ค คือ ทะเลเทียม พร้อมหาดทรายสีขาว พิเศษสุดๆ คือ มีเวทีคอนเสิร์ตกลางน้ำ ที่รอเสิร์ฟความสนุกแบบจัดเต็ม ให้กับผู้ไปเยือนทุกเมื่อ

Dino Water Park สวนน้ำแห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน


Windigo
เครื่องเล่นที่มีความน่าตื่นเต้นสุดมันส์ มีสไลด์เดอร์ทั้งหมด 6 เลน ผู้เล่นจะใช้แผ่นยางสไลด์ตัวลงมาจากความสูง 18 เมตรผ่านลู่ที่มีความสลับซับซ้อน ด้วยความเร็วมากๆ หวาดเสียวสุดๆไปเลย

Family Rafting
ผู้เล่นจะได้พบกับความสุขและความตื่นเต้นราวกับไปล่องแพกันทั้งครอบครัว โดยเราจะมีเบาะยาง อย่างดีที่นั่งได้ 4 คนสไลด์ตามลู่ลงมาด้วยความเร็วที่ต่างระดับกัน

Space Boat
ถูกออกแบบมาให้คุณได้สนุกตื่นเต้นกับการสไลด์เบาะยางที่นั่งได้ 2 คน ผ่านลงมาสู่อ่างขนาดใหญ่ที่มีท่ออยู่ตรงกลาง คุณจะตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อถูกดูดลงไป แล้วสไลด์ออกมาอย่างสุดเหวี่ยง

Kamikaze
จะพาผู้เล่นสไลด์ตัวลงไปตามลู่ที่ความสูง 18 เมตร ด้วยความเร็วต่อเนื่อง ผู้เล่นจะพบกับความตื่นเต้นแบบสุดๆ จะไม่อยาก หยุดกันเลยทีเดียว

Looping Rocket
คือจรวดที่พร้อมจะปล่อยตัวผู้เล่นไปสู่ความสนุก ตื่นเต้น Looping rocket จะปล่อยตัวผู้เล่นในแนวดิ่งลงไปตามลู่ด้วยความเร็วสูง แล้วผู้เล่นจะทะยานบินออกมา อย่างสุดมันส์

Magicone

เป็นสไลด์เดอร์ที่มีความจุสูงเป็นพิเศษ ผู้เล่นสามารถร่วมเล่นพร้อมกันได้ เมื่อสไลด์ลงมาจากจุดสตาร์ทผู้เล่นจะสนุกเต็มที่กับอุโมงขนาดใหญ่ ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น

Turbolance

เมื่อผู้เล่นปล่อยตัวเองจากจุดสตาร์ทด้วยห่วงยางสไลด์ลงมาด้วยความเร็วสูง ผู้เล่นจะพุ่งขึ้นไปยังแผ่นสไลด์ขนาดใหญ่สูง 18 เมตรและสไลด์กลับลงมาในอีกลู่หนึ่ง ผู้เล่นจะรู้สึกตื่นเต้นราวกับนั่งรถไฟเหาะ

Space Shuttle
ผู้เล่นจะสไลด์ด้วยห่วงยางไปตามลู่จากจุดสตาร์ท และจะถูกส่งเข้าไปพักในแท็งก์ขนาดใหญ่ ก่อนที่จะถูกส่งเข้าไปในลู่ และแท็งก์อีก 2 ที่

Uphill Navigatour
ผู้เล่นจะสไลด์ด้วยห่วงยางไปตามลู่จากจุดสตาร์ท และจะถูกส่งเข้าไปพักในแท็งก์ขนาดใหญ่ ก่อนที่จะถูกส่งเข้าไปในลู่ และแท็งก์อีก 2 ที่

Space Hole
คือหนึ่งในสไลด์เดอร์ที่ใหญ่ที่สุด คุณจะพบความตื่นเต้นหลายระดับ อันดับแรกเมื่อผู้เล่นสไลด์ตัวผ่านลู่ผู้เล่นจะถูกเหวี่ยงลงไปในชามใบใหญ่ หมุนไปรอบๆชาม และในที่สุดผู้เล่นก็จะตกลงไปในก้นชามที่ถูกเจาะรูเอาไว้

Wave Pool
สระน้ำขนาดใหญ่ ที่มีคลื่นน้ำจำลองราวกับทะเลจริงๆ และยังจัดตั้งเวทีกลางขนาดใหญ่ในสระ นอกจากนักท่องเที่ยวจะสนุกสนานกับเครื่องเล่นต่างๆแล้ว ยังได้รับความบันเทิงกับการแสดงต่างๆบนเวทีอีกด้วย

Lazy River
ซึ่งเป็นระบบน้ำวนรอบสวนน้ำให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน นั่งห่วงยางลอยไปรอบๆ ภายในสวนน้ำ ใกล้ชิดสนุกสนานกับครอบครัวได้ต่อเนื่อง

Aqua Tower
คือพื้นที่สระน้ำขนาดใหญ่ เป็นโซนสไลด์เดอร์และเครื่องเล่นที่มีความปลอดภัยที่สุด เครื่องเล่นจะเหมาะกับเด็กๆ เพราะบริเวณรอบๆนั้นน้ำจะไม่ลึกมาก ปลอดภัยกับเด็กๆ ได้สนุกสนานกันตลอดทั้งวัน

Dancing Fountain
มีน้ำพุดนตรีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 เมตร เต้นระบำตามจังหวะของเพลง สร้างสีสันความสนุกเฮฮาพร้อมเสียงเพลงและสายน้ำที่ผุดขึ้นมาเริงร่าเต้นระบำเป็นจังหวะ

เว็บไซต์ : www.dinowaterpark.com
เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/dinowaterparkkhonkaen

ข่าวจาก http://webboard.yenta4.com/topic/570825

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ปลั๊กไฟของประเทศต่างๆ รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว


ปลั๊กไฟของประเทศต่างๆ รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว

Type A: USA, Canada, Mexico and Japan
Type B: A grounded version of Type A
Type C: Europe, South America and Asia
Type D: India
Type E: France, Belgium, Poland, Slovakia and the Czech Republic
Type F: Europe and Russia, except for the UK & Ireland (Types C,E and F are all cross-compatible)
Type G: United Kingdom, Ireland, Malta, Malaysia and Singapore
Type H: Israel, the West Bank and the Gaza Strip
Type I: Australia, New Zealand, China and Argentina
Type J: Switzerland, Liechtenstein and Rwanda
Type K: Denmark and Greenland
Type L: Italy and Chile
Type M: South Africa
Type N: Brazil
Type O: Thailand

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวเกียวโต ปราสาท พิพิธภัณฑ์ และอื่นๆ

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เกี่ยวกับปราสาทและพิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้ง ตลาด สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและบันเทิง สวนและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้ๆ เมือง ที่เกียวโต ญี่ปุ่น


ภาพจาก www.jackmanescapades.net

ปราสาทและพิพิธภัณฑ์
ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)
ปราสาทเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1603 เป็นด่านปราการป้องกันตัวพระราชวังนิโนมารุ (Ninomaru Palace) และพระราชวังฮอนมารุ (Honmaru Palace) ในชั้นใน ขึ้นชื่อเรื่องสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่อันสวยงามตระการตา และงานสถาปัตยกรรมภายใน

พระราชวังหลวงแห่งนครเกียวโต (Kyoto Imperial Palace)
พระราชวังแห่งนี้ถูกบูรณะขึ้นใหม่เมื่อราว 50 ปีก่อน เนื่องจากตัวพระราชวังเดิมถูกทำลายลงไปมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

พิพิธภัณฑ์ศิลปะโฮโซมิ (Hosomi)
จัดแสดงงานพุทธศิลป์และเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้านโบราณ รวมไปถึงอุปกรณ์ชงชาอันลือชื่อ

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต (Tokyo National Musuem)
จัดแสดงงานศิลปะต่างๆ และทรัพย์สมบัติของชาติตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยมีการหมุนเวียนการจัดแสดงไปเรื่อยๆ

แหล่งช้อปปิ้ง ตลาด สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและบันเทิง
สถานที่เที่ยวยามค่ำคืน กิออน (Gion District)
ย่านเกอิชาโบราณ ในช่วงเวลาเย็นจะเป็นแหล่งที่รวบรวมศิลปะการแสดงทุกแขนงที่ดีที่สุดของเกียวโตไว้ในที่เดียว ทั้งหุ่นละครมือ การแสดงรำของเกอิชา การร้องเพลง ละครตลก การจัดดอกไม้ ฯลฯ

ถนนฮานามิ-โคจิ (Hanami-koji Street)
ขึ้นชื่อว่าเป็นสีสันแห่งเกียวโต ถนนหลักของย่านกิออนที่จะไปสุดสายที่วัดเคนนิจิ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านกินดื่ม โรงน้ำชา และร้านค้าของที่ระลึกที่ยังอยู่ในลักษณะบ้านเรือนแบบเก่า เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งที่พลาดไม่ได้

ย่านทอผ้านิชิจิน (Nishjin)
แหล่งผ้าทอในบรรยากาศบ้านโบราณอายุกว่า 100 ปี

แหล่งช้อปปิ้งชิโจ (Shijo-Dori)
เป็นเขตห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมาย มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่เครื่องไฟฟ้า เสื้อผ้าแฟชั่นไปจนถึงของที่ระลึก

ตรอกปอนโตโช (Pontocho)
ตรอกยาวขนานแม่น้ำคาโมะ (Kamo River) ถนนสายเกอิชาและสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนประจำเมืองมาแต่อดีต

ถนนสายกาน้ำชาและวัฒนธรรมฮิกาชิยามะ (Higashiyama-historic district)
แต่เดิมเคยเป็นแหล่งเครื่องปั้นดินเผา ตั้งอยู่ใกล้กับวัดน้ำใส ปัจจุบันเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและขนมพื้นเมือง บ้านเรือนในแถบนี้ยังเป็นลักษณะแบบเก่า มากไปกว่านั้นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นก็นิยมแต่งชุดกิโมโนมาเดินบนถนนเส้นนี้ด้วย

ตลาดอาหารนิชิกิ (Nishiki Market-fresh food market)
ตลาดนัดอาหารสดขนาดใหญ่ที่มีทั้งอาหารและขนมพื้นเมืองให้เลือกมากมาย เป็นตลาดเก่าอายุกว่า 400 ปี เจ้าของฉายา “ห้องครัวแห่งเกียวโต”

สวนและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้ๆ เมือง
ทางเดินนักปราชญ์ (The Philosopher’s Path)
เป็นเส้นทางเดินเท้ากว่า 2 กิโลเมตรเชื่อมต่อระหว่างวัดเงินและวัดนันเซนจิ ทางเดินแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นซากุระนับร้อยต้น ซึ่งจะบานในช่วงเดือนเมษายน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ เทศกาลฮานามิ (Hanami)

อะราชิยาม่า (Arashiyama)
เมืองเล็กๆ ชานเมืองเกียวโต มีธรรมชาติสวยงามขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางรถไฟอันแสนโรแมนติก

บ่อน้ำร้อนฟูนาโอกะ (Funaoka Onsen)
บ่อน้ำพุร้อนและสปาแบบญี่ปุ่นที่เป็นลักษณะบ่อน้ำกลางแจ้งมีบ่อสมุนไพรและการบำบัดต่างๆ

เที่ยวเกียวโต เมืองมรดกโลก เมืองแห่งวัดและศาลเจ้า

รวบรวมสถานที่น่าไปเยือนของ “เมืองเกียวโต” กรุงเก่าแห่งญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัยมาฝาก หากใครคิดจะแบกเป้ฉายเดี่ยวไปเที่ยวเมืองซามูไรคราวนี้ด้วยตนเอง เรามีรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ ที่คุณไปเองก็ได้ไม่ต้องพึ่งไกด์ทัวร์

เมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นในอดีต ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันตกหรือ “คันไซ” บนเกาะฮนชู เมืองเกียวโตมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่บ้านเมืองแบบเก่าและเป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นโบราณ

ฤดูกาลท่องเที่ยว เกียวโตสามารถเที่ยวได้ทั้งปี เพราะนอกจากจะได้ชมธรรมชาติสวยงามในฤดูกาลต่างๆ แล้ว เกียวโตยังมีเทศกาลและงานท้องถิ่นมากมายตลอดปีที่น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งที่เที่ยวแนวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองนี้ก็สามารถมาเยือนได้ตลอดปีอีกด้วย


วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple)
Ninna-ji, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
วัดมรดกโลก วัดแห่งศาสนาพุทธขนาดใหญ่ ก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 886 เป็นวัดที่จักรพรรดิยูดะ (Emperror Uda) เคยมาผนวช เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธลัทธิโอมูระ ชินกอน (Omura Shingon) วัดนี้เคยถูกเผาทำลายในช่วงสงครามโอนิน (Onin War) และได้รับการบูรณะใหม่ราว 150 ปีที่ผ่านมา สิ่งก่อสร้างดั้งเดิมที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน คือ เจดีย์ 5 ชั้น ลวดลายบนกำแพงวัด และสวนเชอรี่แคระ นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ก็ยังเคยเป็นพระราชวังเก่าในอดีตอีกด้วย

วัดคิโยมิสึ (Kiyomizudera Temple) หรือวัดน้ำใส
Kiyomizudera, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
รู้จักกันในนามวัดน้ำใส เพราะเป็นทางผ่านของทางน้ำแห่งน้ำตกโอโตวา (Otowa Waterfall) ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และภายในวัดก็มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่รองรับน้ำจากน้ำตกไว้ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้มาตักดื่มเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 798 และได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1633 วัดแห่งนี้มีจุดเด่นเรื่องสิ่งก่อสร้างระเบียงไม้ขนาดใหญ่โตสวยงามโอ่อ่าในเขตวิหารหลัก ที่ก่อสร้างโดยมิได้ใช้ตะปูสักตัวเดียวจนทำให้วิหารและระเบียงแห่งนี้ได้ขึ้นเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1994 นอกจากนั้นในบริเวณสวนของวัดยังมีต้นซากุระกว่าพันต้น เป็นจุดชมซากุระบานยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
Fushimi Inari Shrine, Tokyo, Japan
ที่ตั้ง
ศาลเจ้ายอดนิยมอีกแห่งที่สร้างขึ้นโดยชาวนาท้องถิ่นเพื่อถวายเทพเจ้าจิ้งจอก (เทพเจ้าแห่งธัญพืช) ในราวปีค.ศ. 711 และยังเป็นที่พำนักของพระแม่โพสพตามความเชื่อท้องถิ่นที่ช่วยให้การเกษตรของเมืองอุดมสมบูรณ์ จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ คือ แนวประตูไม้โทริอิสีแดงที่เรียงรายนับพันต้น ซึ่งนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากได้มากราบไหว้ขอพรและสร้างเสาแนวประตูถวายจะช่วยให้กิจการสำเร็จสมหวัง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีแนวประตูยาวไปถึงยอดเขาร่วม 4 กิโลเมตร แนวประตูโทริอินี้ถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมอีกแห่งของเกียวโตเลยทีเดียว

วัดซันจูซันเก็นโดะ (Sanjusangendo Temple)
Sanjusangendo, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1164 โด่งดังเรื่องรูปแกะสลักขนาดเท่าคนจริงของแม่พระโพธิสัตว์กวนอิมที่แกะสลักจากไม้ฉาบทองในปางต่างๆ เป็นจำนวน 1,001 ปาง (องค์) ประดิษฐานในวิหารยาวกว่า 120 เมตร เชื่อกันว่าเป็นงานศิลปะในศตวรรษที่ 12 และวิหารไม้แห่งนี้ถือเป็นวิหารไม้ที่ยาวที่สุดของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นพระประธานในวิหารแห่งนี้ยังเป็นงานแกะสลักรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันกรโดยช่างฝีมือโบราณชื่อดัง ตันเกอิ (Tankei) ในปี ค.ศ. 1264 และบริเวณด้านหน้ายังมีงานแกะสลักเทพเจ้าต่างๆ ในศาสนาฮินดู 28 องค์ และเทพเจ้าตามความเชื่อของญี่ปุ่นอีก 2 องค์ โดยงานแกะสลักทั้งหมดนี้เป็นศิลปะสมัยคามาคุระ (Kamakura) หรือราวศตวรรษที่ 12-13

วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือวัดทอง
Kinkakuji, Kyoto, Japan
ที่ตั้ง
วัดประจำนิกายเซนชื่อดังประจำเมืองอีกแห่งที่มีศาลาที่ตกแต่งด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ์ตั้งอยู่กลางสระน้ำในสวนสวย เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองเกียวโต เคยเป็นที่ประทับของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิตสึ (Ashikaga Yoshimitsu) ในปี ค.ศ.1397 วัดแห่งนี้คนไทยเรารู้จักกันอย่างกว้างขวางเพราะเคยกล่าวถึงในการ์ตูนเณรน้อยเจ้าปัญญา “อิกคิวซัง” ที่มักมาเล่นทายปริศนากับท่านโชกุนโยชิมิตซึ เดิมทีวัดแห่งนี้เป็นบ้านพักตากอากาศของรัฐบุรุษไซออนจิ คิซึเนะ (Sionji Kitsune) และโชกุนโยชิมิตซึได้ขอซื้อเพื่อเป็นที่ประทับ และได้รับการเปลี่ยนเป็นวัดหลังจากพระองค์สวรรคตไปแล้ว

วัดและศาลเจ้า
วัดเรียวอันจิ (Ryoanji)
ขึ้นชื่อเรื่องสวนหินอันสวยงามแปลกตาที่สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 15

วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple)
วัดนิกายเซนแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น เป็นวัดมรดกโลก ขึ้นชื่อเรื่องสวนญี่ปุ่นสวยงาม

วัดโฮโกนิน (Hogonin Temple)
วัดเก่าแต่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1461 ในยุคเอโดะ ตั้งอยู่ภายในเขตของวัดเท็นริวจิ ขึ้นชื่อเรื่องสวนต้นเมเปิลขนาดกว้างใหญ่ ซึ่งสามารถเข้าชมสวนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมถึง 30 มิถุนายน

วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) หรือวัดเงิน

เป็นวัดคู่กับวัดคินคะคุจิ

วัดโคอินซาน ไซโฮจิ (Koinzan Saiho-ji) หรือวัดสวนมอส
วัดที่ปกคลุมไปด้วยมอสพันธุ์ต่างๆ มากกว่า 120 ชนิด ซึ่งเหมาะแก่การมาเยือนในช่วงฤดูฝนราวเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม

วัดโทจิ (Toji Temple)

วัดเก่าที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 796 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้ขนาดใหญ่ วัดแห่งนี้โด่งดังเรื่องเจดีย์ไม้ 5 ชั้นที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

วัดเคนนินจิ (Kenninji Temple)

วัดเซนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

ศาลเจ้าจินชู (Jinshu Shrine)

ศาลเจ้าแห่งความรักตั้งอยู่ในเขตวัดน้ำใส มีหินแห่งความรักตั้งอยู่ 1 คู่ มีความเชื่อกันว่าหากหลับตาแล้วเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะพบรักแท้ในเร็ววัน

การเดินทางจากประเทศไทย สามารถเดินทางโดยเครื่องบินไปลงที่เมืองโอซาก้าโดยสะดวก

การ เดินทางในเมืองและการเดินทางมาจากโอซาก้า มีบริการทั้งรถไฟและรถบัสเพื่อเดินทางมายังเกียวโต แต่ถ้าหากอยากจะแวะเที่ยวชมสถานที่เที่ยวต่างๆ ในโอซาก้าและระหว่างทาง การเช่ารถขับก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย เพราะถนนหนทางสามารถขับได้โดยง่าย สนใจเช่ารถขับ

ที่พักในเมืองเกียวโต ในเมืองเกียวโตมีที่พักหลายแบบและหลายระดับ โดยเฉพาะที่พักแนวบ้านญี่ปุ่นแบบเก่าที่ปรับปรุงมาเป็นบูติคโฮเต็ลนั้นกำลัง เป็นที่นิยมอย่างสูง ดูรีวิวและหาห้องพักถูกใจในแบบต่างๆ

 ที่มา Skyscanne.co.th

ถ่ายเซลฟี่ให้ดูดีอย่างโปร ด้วยเทคนิคและอุปกรณ์เสริมขั้นเทพ!

มาติดกระแสเซลฟี่ซะหน่อยด้วยการหยิบกล้องถ่ายภาพหรือกล้องมือถือของคุณขึ้นมา จัดการส่องหน้าสวยหล่อของตนเอง แล้วลั่นชัตเตอร์ด้วยรอยยิ้ม แต่บ่อยครั้งภาพที่ออกมากลับไม่สวยดั่งใจคุณแม้ว่าจะจัดท่าจัดทางให้ดูดีขนาดไหนแล้วก็ตาม เพราะการเซลฟี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ถ้าอย่างนั้น เสิร์ชเอ็นจิ้น Skyscanner จึงขออาสาช่วยคุณด้วยการแนะนำกล้องเซลฟี่ อุปกรณ์เซลฟี่ และเทคนิคพิเศษที่จะทำให้คุณถ่ายเซลฟี่ได้อย่างโปร และอัพลง Facebook ได้แบบสวยหล่อขั้นเทพ!

เทคนิคถ่ายเซลฟี่ให้ดูดี

1. ฝึกมุมถ่ายรูป
เป็นขั้นตอนแรกของการถ่ายรูปเซลฟี่สวย โดยคุณจะต้องหามุมของตนเองให้เจอ เนื่องจากเค้าโครงหน้าของแต่ละคนจะให้มุมที่ดูดีที่สุดไม่เหมือนกัน เช่น บางคนต้องถ่ายหน้าเฉียงซ้าย หรือเอียงขวา ลองซ้อมมือด้วยการถ่ายเล่นซ้ำหลายๆ ครั้งหลายๆ มุม และอาจใช้มือเป็นส่วนช่วยในการเพิ่มความน่าสนใจให้กับรูปภาพ เช่นการเท้าคาง ใช้มืออังใบหน้า หรือขยี้เส้นผมเล่นหูเล่นตาให้ดูทะเล้น แล้วให้เพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัวช่วยกันดูว่ามุมไหนของคุณดูดีที่สุดก่อนลงสนามจริง

โดยปกติแล้วการถ่ายภาพเซลฟี่จะดูดีกว่าเมื่อยกกล้องขึ้นสูงจากระดับสายตาเล็กน้อย และเอียงแขนออกมุมข้างอีกเล็กน้อย จะทำให้ใบหน้าดูมีมิติและมองเห็นคอ ไหล่ หรือลำตัวช่วงบนได้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการจับกล้องให้เลนส์เงยขึ้น เพราะจะทำให้หน้าดูบาน และหลีกเลี่ยงการกดกล้องให้ต่ำเกิน เพราะจะทำให้ใบหน้าดูลีบจนผิดรูป

2. เลือกกล้องที่ใช่
จริงๆ แล้วการเซลฟี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่กล้องหน้ามือถือเท่านั้น แต่กล้องหลังที่ชัดกว่าก็ทำได้ และกล้องดิจิตอลโดยเฉพาะก็ทำได้ ดังนั้นการจะนำกล้องอะไรมาใช้เซลฟี่ก็ขอให้ดูคุณสมบัติต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น

ใช้เลนส์มุมกว้าง (Wide) เพื่อทำให้เก็บภาพได้กว้างขึ้น
มีความละเอียดที่เหมาะสม ปัจจุบันกล้องหน้าเซลฟี่สวยๆ จะอยู่ที่ 2 – 8 ล้านพิกเซล
มีคุณสมบัติในการโฟกัสใบหน้า เพื่อการถ่ายภาพให้คุณอย่างแม่นยำ
มีคุณสมบัติในการปรับภาพถ่ายให้เนียนสวย (ฟรุ้งฟริ้ง)
รองรับ Bluetooth หรือรีโมทเซลฟี่เพื่อความสะดวกในการถ่าย
ปัจจุบันมีกล้องดิจิตอลหลายยี่ห้อที่ชูคุณสมบัติเด่นด้านการเซลฟี่มาแข่งขันกับสมาร์ทโฟนที่สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นเช่น Camera 360 หรือ B612 แต่ถ้าเลือกกล้องดิจิตอลก็อย่าลืมเลือกกล้องที่มีหน้าจอด้านหน้า หรือสามารถพลิกหน้าจอให้คุณได้เล็งมุมได้ แล้วการเซลฟี่จะสนุกมากขึ้นแน่นอน (ถ้าไม่มี กระจกเงาเล็กๆ ช่วยได้)

3. แสงก็สำคัญ
มุมสวยยังไม่พอ แสงก็เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ภาพเซลฟี่ของคุณ “เด่น” หรือ “ดับ” ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะแสงไฟในเวลากลางคืน เพราะแสงที่ไม่เพียงพอจะทำให้เกิดเงามืดบริเวณใต้ดวงตาและโหนกแก้ม หรือการถ่ายภาพย้อนแสงก็จะทำให้ใบหน้ามืดกว่าฉากหลัง ดังนั้นถ้าอยากได้ภาพเซลฟี่แบบสวยถูกใจล่ะก็หันหน้าเข้าหาแสงไว้ก่อน

นอกจากแสงที่ให้ความสว่างแก่ใบหน้าของผู้ถ่ายแล้ว แสงยังมีประโยชน์ในเรื่องของความสวยบนดวงตาอีกด้วย หากคุณถ่ายเซลฟี่โดยมีแหล่งกำเนิดแสงเช่นหลอดไฟอยู่ด้านหลังกล้อง ทำมุมหักเหจากสายตาเล็กน้อย เวลาถ่ายภาพดวงตาของคุณก็จะมีประกายอย่างมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใด หรือถ้ามีไฟวงแหวน ดวงตาของคุณก็จะมีวงแหวนเล็กๆ ในนัยตาดูมีเสน่ห์ไม่หยอกเช่นกัน

4. ไม้เซลฟี่ช่วยได้

ไม้เซลฟี่ คืออะไร? มันคืออุปกรณ์ยอดฮิตของที่ต้องมีติดตัวไว้เมื่อออกไปเที่ยว ยิ่งไปกันเป็นหมู่คณะแล้วอยากเซลฟี่กับสถานที่สวยๆ ล่ะก็ ลำพังแขนของคุณอาจยาวไม่พอต่อการเก็บภาพได้ทั่วทั้งหมด ไม้เซลฟี่จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญที่ยืดมุมกล้องออกไปได้ไกลขึ้น และไม้เซลฟี่ก็มีหลากหลายแบบและราคา ไม่ว่าจะเป็นไม้ถ่ายเซลฟี่ธรรมดาๆ ไปจนถึงไม้เซลฟี่ พร้อมรีโมท Bluetooth ที่สั่งลั่นชัตเตอร์ได้ และยังมีทั้งแบบหนีบง่ายๆ สำหรับการถือทั่วไป หรือแบบรัดกันหล่นที่ไม่ว่าจะผู้ถือไม้จะสั่นสะเทือนอย่างไรก็ไม่มีหลุด! เพียงเท่านี้ก็ได้ภาพเซลฟี่ในระยะที่ไกลขึ้น และเก็บเพื่อนๆ ได้ครบทุกคนอย่างง่ายดาย

วิธีการใช้ไม้เซลฟี่ก็ง่ายๆ แค่หนีบกล้องที่ปลายไม้ เชื่อมต่อรีโมทเซลฟี่กับกล้อง และดึงไม้เพื่อใช้ถ่ายภาพตามระยะที่ต้องการ แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ไม้เซลฟี่นั้นคุณจะต้องคำนึงถึงการพับเก็บให้เล็กที่สุด เพื่อไม่ได้เป็นภาระในการพกพา และที่สำคัญกว่าคือในบางประเทศไม่อนุญาตให้ใช้ไม้เซลฟี่ที่มีรีโมทในตัวโดยไม่ได้จดทะเบียน (เพราะถือเป็นอุปกรณ์สื่อสารเหมือนโทรศัพท์มือถือ) ดังนั้นศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนนำไปใช้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง




5. ขาเซลฟี่ก็เก๋ไ​ก๋
อุปกรณ์อีกชิ้นที่เหมาะกับคนที่ต้องการภาพที่คมชัดและตั้งใจสักหน่อย โดยขาตั้งกล้องเซลฟี่ (Mobile Tripod) ก็เหมือนกันขาตั้งกล้องตัวเล็กๆ ที่สามารถตั้งกล้องดิจิตอลหรือหนีบสมาร์ทโฟนได้ โดยทั่วไปจะมี 2 แบบคือขาตั้งตรงธรรมดาสำหรับวางบนโต๊ะหรือพื้นเรียบ กับขาที่บิดไปบิดมาได้สำหรับการวางกล้องบนพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ อย่างเนินหรือขอบกำแพง หรือใช้ขาพันเกาะกับวัตถุต่างๆ เช่นเสา และยิ่งไปกว่านั้นยังมีบางรุ่นที่ขาเป็นตัวดูดสุญญากาศให้เกาะบนผนังเพื่อสร้างมุมมองที่แปลกใหม่ในการถ่ายเซลฟี่ได้อีกด้วย

แต่การใช้ขาเซลฟี่นั้นจะค่อนข้างเสียเวลาในการจัดเตรียม มันจึงเหมาะกับการใช้ถ่ายภาพอย่างตั้งใจ เช่นการถ่ายภาพหมู่ หรือถ่ายภาพกับสถานที่หรือวัตถุที่หยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน แต่ก็เป็นวิธีการที่จะได้ภาพเซลฟี่ที่ได้มุมมองกว้างขวางและคมชัดที่สุดที่ผู้รักการถ่ายภาพเซลฟี่ทุกคนต้องชอบอย่างแน่นอน

ที่มา http://www.skyscanner.co.th/news/

8 เหตุผล ที่ทำให้ฝูงชนดั้นด้นขึ้นเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

สถานที่ยอดนิยมของคนไทย เรามีเรื่องน่ารู้มาฝาก กับ 8 เหตุผล ที่ทำให้ฝูงชนดั้นด้นขึ้นเขาคิชฌกูฏ
ภาพจากคุณ Top’s Attapon

1. ตำนานศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อ
นอกจากการนมัสการรอยพระพุทธบาท ที่เชื่อกันว่าเหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว บนยอดเขาคิชฌกูฏ นั้นยังมีปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนาอยู่มากมาย ทั้งศิลาเจดีย์ หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤาษี ลานแข่งรถพระอินทร์ หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ ทำให้ผู้คนอยากมาเห็นสักครั้ง

2. พิสูจน์กำลังใจและความอดทน
การเดินทางไปเขาคิชฌกูฏ ต้องเริ่มต้นที่วัดพลวง ต้องขึ้นรถกระบะโฟว์วีลไปตามถนนที่ลาดชันมาก ระยะทางราว 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร เหล่าฝูงชนต่างดั้นด้นขึ้นไปจนสุดปลายยอดเขา โดยมีความเชื่อกันว่าจะได้บุญสูงสุด และเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทนไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก

3. มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม
นอกเหนือจากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ที่นี่ยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่เพียบพร้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าพออิ่มบุญกันเสร็จแล้ว ก็มาเดินป่าต่อเลย

4. เต็มไปด้วยป่าไม้นานาพรรณ
ผืนป่าของที่นี่มีความหลากหลายพอสมควร ทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าผลัดใบ เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรและพันธุ์ไม้หายากมากมาย อย่างเช่นไม้กฤษณา เป็นต้น โดยป่าดิบชื้นจะครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานฯ ส่วนป่าดิบเขา จะอยู่บริเวณพื้นที่ยอดเขา

5. สัตว์ป่านานาชนิด
สำหรับนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และชอบส่องสัตว์ ไม่ควรพลาด เพราะที่นี่มีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็น กระทิง หมีควาย เก้ง กวางป่า เลียงผา เสือปลา หมูป่า อีเห็น พังพอน ค้างคาวแม่ไก่ นกกระทาทุ่ง ไก่ฟ้าหลังขาว นกกระปูด ฯลฯ

6. น้ำตกน่าเที่ยว

แน่นอนว่าบนภูเขา มักมีน้ำตก และที่นี่ก็จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง คุณจะได้พบกับสายน้ำอันเย็นฉ่ำของน้ำตกทั้ง 3 แห่งบนอุทยานฯ ไม่ว่าจะเป็น “น้ำตกกระทิง” เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 13 ชั้น โดยชั้นที่ 8-9 จะมีความสวยงามที่สุด โดยลำธารชั้นล่างของน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เพียง 100 เมตร แห่งต่อมาคือ “น้ำตกคลองช้างเซ” ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นเขาพระบาท ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินป่าศึกษาธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง

และสุดท้ายคือ “น้ำตกคลองไพบูลย์” น้ำตกชั้นเล็กๆ น้ำใส เย็นสะใจ มีแก่งหินน้อยใหญ่มากมาย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกันกับอุทยานฯ

7. จุดชมวิวแห่งเมืองจันทบุรี
บนยอดเขาพระพุทธบาท คุณจะพบกับอากาศที่เย็นสบาย เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน ใครยังไม่เคยไป ต้องลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

8. สนุกสนานกับการตั้งแคมป์
เมื่อมีการเดินป่า ก็ย่อมมีการตั้งแคมป์ เป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ของเหล่านักผจญภัย โดยในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ก็มีพื้นที่เตรียมไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์พักแรมกันด้วย หรือจะพักแบบบ้านพักเป็นหลังก็มีให้บริการ ที่สำคัญที่สุดของการเดินป่าและตั้งแคมป์ ทุกท่านควรรักษากฎของทางอุทยานฯ และรักษาธรรมชาติกันด้วยนะครับ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ โทร. 0 3945 2074
ข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/travel_tips/110897.html

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บูติก โฮเต็ล (Boutique Hotel) คือ?

ความรู้เกี่ยวกับ บูติก โฮเต็ล (Boutique Hotel) ในรายงานเรื่อง "การศึกษาโครงสร้างและผลการดำเนินงานของโรงแรมบูติคโฮเทล เปรียบเทียบกับโรงแรมระดับมาตรฐานทั่วไป" ของ จารุณี สุนทรนาค คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า โรงแรมบูติคโฮเทล คือโรงแรมขนาดเล็ก มีห้องพักจำนวนไม่มาก แต่เน้นการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ การให้บริการที่ใกล้ชิดกับลูกค้า โดยเน้นลูกค้าระดับบน

บูติคโฮเทลเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อต้นปีค.ศ.1980 จนปีถัดมาบูติคโฮเทล 2 แห่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ คือ เดอะ เบลก-The Blake ในกรุงลอนดอน ประเทศ อังกฤษ ด้วยจำนวนห้องพักเพียง 50 ห้อง และเดอะ เบดฟอร์ด-The Bedford ในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ก่อนขยายสู่ทั่วโลก

บูติคโฮเทลมีชื่อเรียกแตกต่างกันหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น "ฟังกี้ ชิก Funky-Chic" หรือ "ฮิป โฮเต็ล Hip-hotel" จนกระทั่งโรงแรมเดอะเบลกใช้คำว่า Boutique Hotel อย่างเป็นทางการ ความหมายของ Boutique (n) ตามพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ด คือร้านขนาดเล็ก มักขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ทันสมัย อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีการให้นิยามแก่บูติคโฮเทลได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการตกแต่ง และจำนวนห้องพัก แต่ส่วนใหญ่ให้ความหมายตามลักษณะของโรงแรมที่ประสบความสำเร็จ

ลักษณะเด่นของบูติคโฮเทล ที่ได้รับการยอมรับว่าทำให้ต่างจากโรงแรมระดับมาตรฐานทั่วไปมีอยู่ 3 ด้าน คือ 1.ด้านสถาปัตยกรรม (Architecture and design Style) เน้นการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นตัวตนของลูกค้า บางแห่งตกแต่งแบบโบราณ บางแห่งตกแต่งแบบทันสมัย ทั้งนี้ บูติคโฮเทลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักตกแต่งโดยผสมผสานด้านประวัติศาสตร์กับความทันสมัย เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากกว่าการเน้นไปในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

2.ด้านการบริการ (Service) เน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับลูกค้า ซึ่งบางแห่งพนักงานทุกคนจำชื่อลูกค้าที่เข้าพักได้ ทำให้ ลูกค้าเกิดความรู้สึกอบอุ่นเสมือนเป็นคนพิเศษ ในขณะที่โรงแรมทั่วไป หรือโรงแรมที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ไม่สามารถทำได้เพราะมีจำนวนห้องพักจำนวนมาก การบริการอย่างใกล้ชิดจึงเป็นไปได้ยาก และ 3.ด้านกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Target Market) เน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ต้องการหาความแตกต่างไปจากโรงแรมมาตรฐานทั่วไป ซึ่งเป็นลูกค้าที่รายได้เฉลี่ยสูง

จึงอาจกล่าวได้ว่าบูติคโฮเทลเป็นโรงแรมขนาดเล็ก จำนวนห้องไม่เกิน 150 ห้อง มีลักษณะเด่นด้านสถาปัตยกรรมการตกแต่ง การบริการ และการเน้นตลาดเป้าหมายที่ต้องการความแตกต่างจากโรงแรมทั่วไปที่เน้นการตลาดมวลรวมหรือความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขณะที่บูติคโฮเทลอาจไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลยก็ได้

ถึงแม้จะยังไม่มีคำจำกัดความที่แน่ชัดของบูติคโฮเทล และขนาดของโรงแรม แต่บูติคโฮเทลอาจแยกออกได้เป็น 2 รูปแบบตามลักษณะที่ตั้ง คือ 1.ซิตี้ โฮเต็ล เน้นให้ความสำคัญกับที่ตั้งที่อยู่ในเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจ ความสะดวกสบาย ความนิยมและความหรูหราของละแวกนั้น มักตั้งอยู่ในเมืองที่น่าอยู่ และเมืองเศรษฐกิจ การตกแต่งผสมผสานประวัติศาสตร์และศิลปะที่ถูกพิจารณาว่าทันสมัย มีเทคโนโลยี แต่เสริมสร้างบรรยากาศและโปรโมตอารมณ์ที่สอดคล้องระหว่างลูกค้ากับตัวตึก

และ 2.รีสอร์ต โฮเต็ล มีความแปลก เล็กและให้ความสนิทสนมใกล้ชิด เสนอความรู้สึกที่ไม่ใช่ความหรูหรา ทำเลที่ตั้งอาจซ่อนอยู่ในที่ไกล เช่น เกาะหรือหุบเขาที่ยากต่อการเดินทาง มีความทันสมัยที่ยังมีกลิ่นอายธรรมชาติ มีบริการที่พิเศษ อาจไม่มีการโปรโมตเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ แต่เสนอในรูปแบบของสปา สระว่ายน้ำส่วนตัว เป็นต้น

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

เรื่องน่ารู้ วัฒนธรรมการดื่มรอบโลก

อย่างที่เรารู้กันดีว่าในโลกนี้มีประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมากมาย รวมทั้งเรื่องการดื่มก็แตกต่างกันไปตามแต่วัฒนธรรมของแต่ละประเทศเช่นกัน ... ผู้คนจากแต่ละประเทศก็มีช่วงเวลาและเหตุผลของการดื่มที่แตกต่างกันไป


ภาพจาก sesgrancanaria.com

ในประเทศจีน เราจะเห็นได้ว่าผู้คนจะดื่มการเยอะเป็นพิเศษช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อนปีใหม่ นี่ก็เนื่องมาจากเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ตามประเพณี การดื่มในช่วงนี้จะเป็นการดื่มกินระหว่างเพื่อนและครอบครัวโดยไม่การจำกัดประเภทของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ในประเทศฝรั่งเศสจะนิยมดื่มไวน์แดงกับอาหารเย็น ด้วยความที่เป็นผู้ผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฝรั่งเศสนั้นเคร่งครัดในเรื่องธรรมเนียมการดื่มไวน์มากๆ ว่ากันว่าไวน์นั้นดีต่อหัวใจจึงเหมาะมากที่จะดื่มไวน์ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหาร! ไวน์ขาวก็เป็นที่นิยมเช่นกันในฝั่งเศส ตามธรรมเนียมฝรั่งเศสแล้วเราจะดื่มไวน์ขาวหวานๆกับเนื้อสีขาว และดื่มไวน์แดงฝาดๆกับเนื้อสีแดง

เบียร์ก็เป็นเครื่องดื่มอีกประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศในแถบยุโรป โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนเพราะเบียร์นั้นราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่าย จากปริมาณการดื่มของเหล่าเยาวชนนี้ได้รับการขนานนามว่า 'binge drinking'! เพราะไม่มีกำหนดเวลาหรือเหตุผลในการดื่ม และเมื่อพวกเขาดื่มแต่ละครั้งก็จะดื่มในปริมาณที่เยอะมากๆ

เมื่อได้ยินชื่อประเทศรัสเซียก็จะนึกนึงเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมอย่าง วอดก้า ขึ้นมาทันที การดื่มวอดก้านั้นถือเป็นเรื่องปกติและดื่มได้เพียวๆโดยไม่จำเป็นต้องผสมกับเครื่องดื่มใดๆ บ้างก็ว่าที่วอดก้าเป็นที่นิยมมากในรัสเซียก็เพราะอากาศที่หนาวเย็นจับขั้วหัวใจนั่นเอง! ในรัสเซียนั้นคุณจะสามารถดื่มวอดก้าเวลาไหนก็ได้ เพราะว่ากันว่ามันช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น และตอนนี้ความนิยมในวอดก้าก็แพร่ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกโดยเฉพาะในกลุ่มของเยาวชน

เมื่อเวลาผ่านไป ประเพณีและวัฒนธรรมการดื่มก็เริ่มจะกลืนกันและก็คงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกาลเวลา

ที่มา http://www.englishfirst.co.th/

9 สถานที่ท่องเที่ยว ที่คาดว่าชาวไทยจะนิยมไปเที่ยว ในปี 2558

สำหรับจุดหมายปลายทาง 9 อันดับที่คาดการณ์ว่าจะเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยในปี 2558 มีดังนี้
ภาพจาก www.euroboatcharter.com

1. นิวแคลิโดเนีย (New Caledonia) : หมู่เกาะเล็กๆ อันไกลโพ้นห่างจากชายฝั่งทางตะวันออกของออสเตรเลีย 2,000 ไมล์ และมีประชากรเพียง 246,000 คนเท่านั้น นักเดินทางสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติที่งดงามด้วยแพ็คเกจท่องเที่ยวราคาย่อมเยาจนกระทั่งถึงกลางทศวรรษที่ 20 เพราะหลังจากเหตุการณ์เศรษฐกิจซบเซาครั้งใหญ่ อดีตอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศสนี้กำลังอยู่ในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะทำให้กลับมาเป็นจุดหมายปลายทางที่มีอิทธิพลอีกแห่งหนึ่งในปี 2558 และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของนักเดินทาง รองมาจากฟิจิและตาฮิติ

2. ไอซ์แลนด์ : Interstellar หนังไซไฟฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวูดประจำปี 2557 ได้ถ่ายทำหลายฉากที่นี่ ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกหลงใหลในทัศนียภาพอันงดงามตระการตาของเกาะแห่งนี้ ทิวทัศน์ที่สวยงามของไอซ์แลนด์นั้น ประกอบไปด้วยหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังปะทุมากที่สุดในโลก บ่อน้ำพุร้อน รวมถึงธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งเป็นฉากนำในซีรีย์สุดฮิตของช่อง HBO อย่าง Game of Thrones และทิวทัศน์ที่งดงามเพิ่งได้รับการเผยแพร่ผ่านภาพยนตร์ฮอลลีวูดถึง 2 เรื่องได้แก่ The Secret Life of Walter Mitty และ Thor นอกจากนี้นักท่องเที่ยวหลายพันคนเดินทางมายังเกาะแห่งนี้ เพื่อชมปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์ คือ แสงออโรร่า หรือแสงขั้วโลกเหนืออันสวยงามตระการตา

3. โซล : ความต้องการของนักเดินทางที่อยากจะสัมผัสวัฒนธรรมเกาหลียังคงแรงต่อเนื่องไม่มีหยุด นับตั้งแต่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทย คลั่งไคล้กับเพลง Gangnam Style เมื่อ 2 ปีก่อน โซลยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือน นอกจากนี้โซลมีโรงแรมราคาประหยัดเพิ่มขึ้นมากมายเพื่อรองรับนักเดินทาง พร้อมทั้งยังมีร้านปลอดภาษีหลายแห่ง ซึ่งที่เป็นที่โปรดปรานของนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมโซลถึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ฮอตฮิตประจำปี 2558

4. ฟอร์ต ลอเดอร์เดล : เมืองอันสดใสแห่งนี้ดึงดูดนักเดินทาง โดยเฉพาะเหล่าหนุ่มสาวในช่วงปิดเทอม ตั้งแต่ช่วงปี 2500 อย่างไรก็ตามเมืองแห่งนี้กำลังพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเพื่อดึงดูดกลุ่มนักเดินทางวัยทำงานหรือผู้ใหญ่ และได้รับการคาดการณ์ว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยในปี 2558 โดยจะมีการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วยการทุ่มเงิน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายสนามบิน สถานีรถไฟความเร็วสูงแห่งใหม่ และการสร้างที่พักอันหรูหรามากมาย
 

ภาพจาก sites.dartmouth.edu

5. นิการากัว (Nicaragua) : หลังจากได้รับการคาดการณ์มาเป็นเวลาหลายปีว่าจะก้าวมาเป็นคอสต้าริก้าแห่งใหม่ ในที่สุดนิการากัวก็ขึ้นแท่นสถานที่น่าท่องเที่ยวประจำปี 2558 ผืนป่าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งกบดานของกลุ่มโจรติดอาวุธ วันนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญ นักเดินทางที่มาเยือนจะได้พบกับผืนป่ามากมาย ภูเขาไฟที่สวยงาม สถาปัตยกรรมอันน่าตรึงใจ และชายหาดที่ยังคงความงามตามธรรมชาติ รวมถึงการเติบโตของโรงแรมระดับ 5 ดาว ตอนนี้นิการากัวกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ปลอดภัยและคุ้มค่าแก่การมาเยือนมากที่สุดในเขตลาตินอเมริกา พร้อมทั้งมีโรงแรมและร้านอาหารระดับโลกอีกด้วย

6. ภูฏาน : ความห่างไกลอาจเป็นคำนิยามที่เข้ากับความมหัศจรรย์ของภูฏานได้ดีที่สุด แต่ด้วยเส้นทางการบินที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ประเทศที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ ทะยานสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปมากที่สุดแห่งหนึ่งประจำปี 2558 นอกจากนั้นภูฏานยังเปิดโอกาสให้นักเดินทางผจญภัยท่องโลกอย่างตื่นเต้นเร้าใจ พร้อมทั้งยังมีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญและเอาใจใส่ความสุขของประชาชนอย่างสม่ำเสมอ พอๆ กับเศรษฐกิจของประเทศ แล้วคุณจะได้ไขความลับของภูฏานว่าเพราะเหตุใดประเทศนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่ทั่วโลกสนใจ

7. บราซิล : หลังจากที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2557 บราซิลกลายเป็นจุดหมายปลายทางหลักบนแผนที่ของชาวอังกฤษ อย่างไรก็ตามหากเป็นเหมือนกรณีลอนดอนที่เพิ่งจัดงานโอลิมปิกไปในปี 2555 การท่องเที่ยวจะตื่นตัวหลังจากผ่านการแข่งขันไป1-2 ปี หลังจากราคาตั๋วเครื่องบินและโรงแรมลดลง แต่การลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานยังคงมีให้เห็นอยู่

8. โอกินาว่า : หมู่เกาะเขตร้อนที่เรียงรายเป็นระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร จากทะเลจีนใต้ไปสู่ปลายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น เกือบถึงไต้หวัน โอกินาว่าเป็นหมู่เกาะที่เปรียบเสมือนสรวงสวรรค์ของคนท้องถิ่น ด้วยโรงแรมหรูหรา แหล่งดำน้ำระดับโลก ป่าไม้อันสมบูรณ์ ชายหาดสีขาวบริสุทธิ์ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเชิงมรดกโลกของ UNESCO และวัฒนธรรมกับอาหารที่สืบทอดกันมาแต่โบราณนั้น จะทำให้โอกินาว่าดึงดูดนักผจญภัยทั่วโลกให้มาเยือนอีกแห่งหนึ่ง

9. ไทเป ประเทศไต้หวัน : ด้วยจำนวนการค้นหาตั๋วเครื่องบินเฉลี่ยจากทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 56 ต่อปีนั้น ทำให้ไทเปเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับเหล่านักช็อปตัวยงมากยิ่งขึ้นไปอีกในปี 2558 ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนเป็นอย่างมาก ปัจจุบันไทเปกำลังปรับปรุงเมืองให้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะ ความทันสมัย แหล่งช็อปปิ้งอันหรูหรา และความหลากหลายของโรงแรมใหม่ๆ ที่มีตั้งแต่โรงแรมบูทีคเก๋ๆ ไปจนถึงโรงแรมหรูหราระดับนานาชาติ ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยที่กำลังมองหาจุดหมายปลายทางอันทันสมัย

การท่องเที่ยว กับ บางสิ่ง ที่หายไป

นักเดินทางรุ่นเก๋าหลายคนคงเคยนึกเปรียบเทียบรูปแบบการท่องเที่ยวสมัยก่อนและสมัยนี้ว่า ในทศวรรษนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางมากมาย ซึ่งช่วยให้การเตรียมตัวและวางแผนการเดินทางง่ายขึ้น เช่นสมาร์ทโฟนและอินเตอร์เน็ต แน่นอนว่า เมื่อมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาก็จะทำให้หลายสิ่งที่เราคุ้นชินค่อยๆ หายไป เช่น โปสการ์ด


ก่อนหน้านี้เมื่อไปเที่ยวที่ไหน หลายคนมักชอบส่งโปสการ์ดกลับมาหาตัวเองหรือส่งไปให้เพื่อนฝูง แต่เมื่อทุกคนใช้สมาร์ทโฟน พวกเขาก็จะเลือกส่งข้อความ โพสต์รูป วิดีโอในเฟซบุค ทวิตเตอร์และไลน์มากกว่าเพราะสะดวกและรวดเร็ว สื่อในสหรัฐเคยรายงานว่า จำนวนโปสการ์ดที่ส่งในสหรัฐน้อยลงเรื่อยๆ

อุปกรณ์ประกอบการท่องเที่ยวที่กำลังหายไปอีกอย่างคือ ไกค์บุค เพราะเดี๋ยวนี้ นักท่องเที่ยวสามารถหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตในสมาร์ทโฟนได้มากมาย ยังรวมถึงโพสต์และข้อแนะนำต่างๆ ของคนที่เคยไปที่ๆ เราต้องการไป ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้เป็นอย่างดี แต่บางคนก็อาจจะเถียงว่า การเดินเปิดไกค์บุคไปในที่ต่างๆ จะทำให้ได้อรรถรสในการเดินทางอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ถ้าเราทำไกค์บุคหายหรือตกในระหว่างเดินทางก็คงไม่เสียดายเท่าทำสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตหาย

อีกอย่างที่กำลังหายไปคือ อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เราๆ ท่าน คงจำกันได้ดีว่า เวลาไปเที่ยวที่ไหน ไม่ว่าในหรือต่างประเทศ พวกเราใช้เวลาหลังจากท่องเที่ยวที่นี่เพื่อส่งอีเมลล์พร้อมแนบรูปส่งไปให้ที่บ้านและเพื่อนฝูง ก่อนหน้านี้ใครไปไหนแล้วส่งอีเมลล์กลับหาที่บ้านก็ดูโก้เก๋ อินเทรนด์มากแล้ว แต่ในสมัยนี้ แต่ละสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมและที่พักเกือบจะทุกแห่งมีบริการ wifi ให้ผู้เข้าพักและนักท่องเที่ยวอย่างไม่อั้น ว่ากันว่า wifi ในไทยและเวียดนามหาง่ายเหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง พวกเราเองก็มีอุปกรณ์พร้อม ไม่ว่าโทรศัพท์ แล็ปท็อป แท็บเล็ตหลากหลายแบรนด์ ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาอินเตอร์เน็ตคาเฟ่อีกต่อไป ร้านพวกนี้ก็ต่างพากันทยอยปิดไปหลายประเทศเช่น โมรอคโค อินเดีย จีนและอังกฤษ

นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมพกนาฬิกาปลุกไปท่องเที่ยวด้วย เพราะประเทศที่ไปอาจมีเวลาที่แตกต่างกันมากกับประเทศของตนเอง แต่เมื่อมีสมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่นต่างๆ นาฬิกาปลุกก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะมันมีทั้งนาฬิกาปลุก นาฬิกาที่บอกเวลาในหลายๆ ประเทศพร้อมกัน และที่สำคัญนักท่องเที่ยวสามารถบันทึกแผนการแต่ละวันในสมาร์ทโฟนได้ด้วย แอพฯ บางตัวสามารถส่งเสียงเตือนได้อีกต่างหาก แต่พวกเราคงเคยมีประสบการณ์ว่า ตั้งนาฬิกาในโทรศัพท์ให้ปลุก แต่ก็ไม่ปลุกเพราะอาจจะตั้งวิธีผิดวิธีหรือตั้งเช้าเป็นบ่าย บ่ายเป็นเช้าก็ได้เหมือนกับตั้งนาฬิกาปลุกให้ปลุก แต่ไม่ปลุกเพราะถ่านหมด

การหายไปของแผนที่ก็เป็นผลมาจากอินเตอร์เน็ตเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้เวลาไปที่ใดนักท่องเที่ยวก็จะตรงรี่ไปร้านหนังสือ หรือศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวก่อนเพื่อขอแผนที่แล้วจึงค่อยวางแผนจะไปที่ใด แต่ปัจจุบัน พวกเราวางแผนท่องเที่ยวอย่างละเอียดได้ก่อนหน้ามาถึงจากแผนที่ออนไลน์และจีพีเอส ผู้ผลิตแผนที่ฉบับกระดาษต่างพากันเปลี่ยนธุรกิจมาทำทางออนไลน์ เช่น ฝ่ายแผนที่และสำรวจของอังกฤษซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับการทำแผนที่รายงานว่า การขายแผนที่ลดลงประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะคนหันไปใช้แผนที่ออนไลน์และจีพีเอสแทน ตอนนี้คงไม่ค่อยได้เห็นภาพนักท่องเที่ยวเดินถือแผนที่ชี้โบ๊ชี้เบ๊กันอีกแล้วแน่ๆ

ในยุคดิจิทัลนี้ เราคงเห็นร้านขายอัลบั้มรูปค่อยๆ หายไป เด็กๆ รุ่นใหม่อาจไม่รู้จักอัลบั้มรูปอีกต่อไปเพราะพวกเขามีทั้งเฟซบุค อินสตาแกรมและอัลบั้มรูปออนไลน์ที่สามารถเก็บรูปได้ไม่จำกัด นอกจากนี้ ตอนนี้นักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องพกเงินไปมากๆ ซึ่งเสี่ยงกับการหายหรือโดนปล้น เพราะตอนนี้การทำธุรกรรมด้านการเงินสามารถติดต่อถึงกันได้ทั่วโลก พวกเขาสามารถใช้บัตรเครดิตหรือเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็มในทุกที่ที่เดินทางไป

ที่มา Bangkokbiznews.com

ราคา .. ต้องมาก่อน ตัวเลือกแรกของการจองเครื่องบิน

คุณๆ ลองคิดไว้ในใจ ว่า "ระหว่างสิทธิพิเศษในการใช้ห้องน้ำ กับ ราคาที่ถูกกว่า คุณจะเลือกอะไร?"

ถ้าตอบว่า "ราคา" คุณคือคนส่วนใหญ่ของผลการสำรวจทัศนคติของนักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิกที่มีต่อสายการบินต้นทุนต่ำ ที่ฝ่าย Global Tour & Transport ของ Expedia ได้จัดทำขึ้นและได้เปิดเผยผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ว่า "94% จากผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด พร้อมสละสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย" และเมื่อพิจารณาถึงการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำในเอเชียแปซิฟิกแล้ว คาดว่าจะมีการให้บริการเพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบรายปีในเดือนมีนาคม 2015 ซึ่งนับเป็นข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยว


ภาพจาก news.gtp.gr

ทั้งนี้ดัชนีสายการบินต้นทุนต่ำประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกปี 2015 ของ Expedia ได้สำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวราว 3,200 คนในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และไต้หวัน โดยถือเป็นการต่อยอดจากดัชนีสายการบินต้นทุนต่ำประจำภูมิภาคยุโรปตะวันตกปี 2014 ซึ่งศึกษาตัวเลือกของนักท่องเที่ยวระหว่างค่าโดยสารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

การสำรวจดังกล่าวได้รวบรวมทัศนคติของนักท่องเที่ยวที่มีต่อบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกของสายการบินต้นทุนต่ำเทียบกับสายการบินทั่วไป รวมถึงสิ่งที่นักท่องเที่ยวยอมสละเพื่อแลกกับการลดค่าโดยสาร พร้อมกับเผยว่าผู้โดยสารนำเงินที่ประหยัดได้ไปใช้ทำอะไร สำหรับปัจจัยที่นักท่องเที่ยวใช้พิจารณาเลือกสายการบินต้นทุนต่ำนั้น ผลสำรวจพบว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกสายการบินมากที่สุดคือ ประวัติความปลอดภัยของสายการบิน

นักท่องเที่ยวเพศชาย มีแนวโน้มมากกว่าเพศหญิงเล็กน้อยในการสละสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างหมอนและผ้าห่ม ฟรีค่าบริการฝากสัมภาระลงใต้ท้องเครื่อง และสิทธิพิเศษในการใช้ห้องน้ำ เพื่อแลกกับการลดค่าโดยสาร

และนอกเหนือจากปัจจัยเรื่องเพศแล้วยังมีปัจจัยเรื่องอายุด้วย โดยผู้โดยสารอายุน้อย (ต่ำกว่า 35 ปี) เชื่อว่าการสละพื้นที่วางขาและสิทธิ์ในการนำกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่องเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด ส่วนผู้โดยสารที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปเลือกที่จะสละบริการอาหารแบบฟูลมีลเพื่อประหยัดค่าตั๋ว

นักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิกเกินครึ่งหนึ่ง (56%) เต็มใจสละความบันเทิงบนเครื่องบินเพื่อประหยัดค่าตั๋ว ตามมาด้วยบริการอาหารแบบฟูลมีล (49%) หมอนและผ้าห่ม (48%) ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกที่เต็มใจสละน้อยที่สุดได้แก่ พื้นที่วางขา สิทธิพิเศษในการใช้ห้องน้ำ และสิทธิ์ในการนำกระเป๋าขึ้นเครื่อง

ที่มา Bangkokbiznews.com

10 คำโกหกของ “ปารีส”


เพียงแว่บแรกที่ได้ยลโฉมความงดงามอันน่าตะลึง สวนสวยปริศนาและขนมสุดแสนอร่อยของดินแดนน้ำหอมแห่งนี้ หลายคนถึงกับพร่ำเพ้อว่าเมืองอะไรช่างโรแมนติกเสียจริงๆ แต่ถ้าพูดกันจริงๆ แล้ว หลายคนที่เคยไปเที่ยวปารีสมา กลับพบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดทุกอย่าง ซึ่งทำให้สงสัยว่าทำไมทุกคนพยายามกระจายข่าวลือที่เหลือเชื่อเกี่ยวกับปารีสว่ามันเป็นทุกอย่างของชีวิต



ภาพจาก hdwallsource.com

มันถึงเวลาที่จะต้องพูดความจริงกันแล้ว จงอย่าไปเชื่อคำโกหกที่พูดถึงปารีสกันต่อๆ มาว่า

“ไม่มีอะไรจะสวยงามไปกว่าการได้ไปเยือนหอไอเฟล” ข้อมูลที่ถูกต้องคือไม่มีอะไรจะสวยงามไปกว่าแถวนักท่องเที่ยวยาวเหยียดที่รอขึ้นไปชมหอไอเฟลในทุกวันเสาร์

“ปารีสเป็นเมืองโรแมนติกที่สุดในโลก” ความจริงคือ มีการทำโพลเร็วๆ นี้พบว่านักท่องเที่ยวยกให้เมืองเวนิซของอิตาลีเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุด นอกจากนี้การจุมพิตภายใต้สายฝนก็ยากที่จะโรแมนติก

“อาหารรสเลิศ” ขากบเย็นชืดและราคาแพงเว่อร์ นี่หรือที่เรียกว่าอร่อยเหลือเชื่อ

“ปิกนิกด้วยขนมปังบาแกตและชีสเป็นสิ่งเยี่ยมยอดที่สุด” คำพูดนี้ไม่ผิด จนกระทั่งมีคนอีก 4,000 คู่ที่คิดและทำแบบเดียวกัน

“ครัวซองสดใหม่ทุกวัน” เป็นเรื่องจริง จนกระทั่งพบว่าครัวซองราคาอันละ 4 ยูโร หรือ 150 บาทซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของงบประมาณที่ใช้ต่อวัน

“คนปารีสไม่หยาบคาย เพียงแต่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ” ถ้าเจอปัญหานี้ ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เช่นกัน

“สาวฝรั่งเศสไม่อ้วน” สาวฝรั่งเศสแท้ๆ อาจจะไม่เจ้าเนื้อ แต่สาวที่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากที่อื่นต้องอ้วนกลับไปแน่ๆ เพราะมาการองเป็นขนมที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักได้อย่างดี

"ภาพวาดโมนาลิซาน่าประทับใจมากเมื่อมองเห็นด้วยตาตัวเอง" สิ่งที่น่าตกใจกว่าคือฝูงชนที่พยายามจะเบียดเสียดเพื่อให้ใกล้ชิดกับภาพวาดให้มากที่สุด

"คุณจะรู้สึกเป็น ‘ผู้หญิง’ มากเวลาอยู่ในปารีส" คำว่า “เหงื่อ" และ "เหยียบย่ำ" น่าจะเป็นคำคุณศัพท์ที่เหมาะกว่า

"เขาจะขอแต่งงานที่นั่น!" ชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่วางแผนหรือคาดไว้เสมอไป
.................
ที่มา เว็บไซต์ฮัฟฟิงตันโพสต์ และ Bangkokbiznews.com

5 วิธีช่วยและดูแลมือถือ หรือ Gadget เปียกน้ำ

ไม่เฉพาะวันสงกรานต์เท่านั้นที่ต้องระวัง วันอื่นๆ อาจจะเสี่ยงกับการที่มือถือสุดที่รักเปียกน้ำด้วยก็เป็นได้ ลองมาดูวิธีดูแลมือถือ หรือ Gadget ต่างๆ เมื่อเปียกน้ำกันค่ะ

ภาพจาก www.gadget400.com

1. เมื่ออุปกรณ์เปียกน้ำ ควรเช็ดภายนอกให้แห้งแล้วปล่อยทิ้งไว้ อย่าเพิ่งเปิดเครื่องเพราะอาจทำให้เกิดการลัดวงจรได้

2. อุปกรณ์ Gadget บางชนิดสามารถถอดส่วนประกอบต่างๆ ได้ เช่น แบตเตอรี่, การ์ดเมมโมรี่ นำมาเช็ดทีละส่วน เพื่อลดอัตราการเปียกชื้นให้น้อยลง

3. ห้ามนำไดร์เป่าผม เป่าใส่อุปกรณ์ที่เปียกน้ำ เนื่องจากความร้อนจากไดร์เป่าผม จะทำให้แผงวงจรเกิดการเสียหายได้

4. นำอุปกรณ์ที่เปียกน้ำใส่ไว้ในถังข้าวสารที่มีฝาปิดทิ้งไว้ซักระยะหนึ่ง เพื่อให้ข้าวสารช่วยดูดความชื้นออก

5. หากทำตามขั้นตอนขั้นต้นทั้ง 4 ขั้นตอนแล้วยังไม่สามารถเปิดอุปกรณ์ใช้งานได้ แนะนำให้ส่งศูนย์ซ่อมโดยทันที เพื่อให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบ

เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถออกไปสนุกแบบไม่ต้องกลัวเปียกกันได้เลย ใครสนใจรายละเอียด หรือติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีๆ จากแอดไวซ์ เข้าไปดูได้ในเฟซบุ๊คแฟนเพจที่ http://www.facebook.com/AdviceClub หรือที่เว็บไซต์ www.advice.co.th

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/642626

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

ความรู้เกี่ยวกับ ที่พัก โรงแรม

การหาข้อมูลในการท่องเที่ยว มีความสำคัญมากๆ นะคะ ยิ่งปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยนิยมการไปกับทัวร์ แต่มีความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจน ว่าจะนอนที่ไหน กินอะไร ทำอะไร ทุกอย่างตามใจฉัน และเข้ากับไลฟ์สไตล์ของฉันเท่านั้น อย่ามาบังคับกัน ขอร้อง.. ฉะนั้นเวลาหาข้อมูลเนี่ย ก็ต้องละเอียดกันหน่อยละ รู้ว่าเก่งภาษาอังกฤษ แต่บางที ของบางอย่างมันก็ผิดพลาดกันได้

ความรู้เกี่ยวกับ ที่พัก โรงแรม
จามส์เฮ้าส์ เกาะกูด www.chamshouse.com

ในเมืองไทยนั้น เรามักจะให้ข้อมูลที่พักแก่นักท่องเที่ยว ตามชนิดของที่พัก เช่น Hotels, Serviced apartments, Condo, Apartments, Bungalow

แต่เวลาไปต่างประเทศเนี่ย ก็ควรร็นิ๊ดนึงว่าที่พักต่างๆ ที่เค้าเรียกอ่ะ หน้าตาเป็นไง จะได้ไม่ผิดหวัง จองไปแล้วทั้งทริป แต่กลับไม่ได้อย่างใจ จะเปลี่ยนก็เสียดายตังค์ จ่ายไปหมดแล้วหนิ

มาดูกันดีกว่าว่าที่พักในแบบต่างๆ ที่คุณจะเจอหากเดินทางไปในแถบยุโรป กับอเมริกาเนี่ย มีอะไรบ้าง

- Hotel
ใช่ค่ะ แปลว่าโรงแรม แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเดินทางไปในส่วนไหนของโลกด้วยนะ นี่...ขู่ซะ เอาให้ชัวร์ต้องเสิร์ชใน Expedia.com เค้าซะหน่อย ว่ารายละเอียดหน้าตาเป็นไง เพราะคำว่า Hotel เนี่ย บางแห่งอาจหมายความถึงตึกเล็กๆ แถมมีห้องพักไม่เกิน 20 ห้อง ในขณะที่บางส่วนของโลก อย่างที่เรารู้ๆ กันเนี่ย ก็เป็นโรงแรมแบบอลังการงานสร้าง หรูหราหมาเห่า (ไม่ทั่ว) แบบที่เห็นตามเมืองใหญ่ทั่วไปนะ

- Inn เป็นโรงแรมแล็กๆ ถ้าเป็นภาษาไทยเอาแบบมันส์ๆ หน่อย ก็แปลว่าโรงแรมจิ้งหรีดละกัน จะได้เห็นภาพความเล็กแอนด์โทรม (ฮา) โรงแรมแบบนี้มักจะอยู่ตามชานเมือง ตามริมทางไฮเวย์ หรือนอกเมืองไปเลย สำหรับคนที่เดินทางไกลด้วยรถ แล้วก็แวะพักผ่อนนอนค้างคืน เพื่อที่รุ่งขึ้นจะได้ไปต่อ ในเมืองใหญ่ๆ จะไม่ค่อยมีที่พักประเภทนี้สักเท่าไหร่หรอก สภาพเหรอ...ส่วนใหญ่ก็จะมีขนาดเล็กแบบไม่เกิน 2 ชั้น ราคาก็ค่อนข้างถูก และก็อย่างที่ทราบนะฮ้า ของถูกก็ไม่ค่อยจะมีดี ชิมิชิมิ อ่ะ..แต่เค้าก็มีดี ตรงที่มีอาหารบริการด้วยนะ บางที่มีผับด้วย ไม่ได้ให้อยู่แบบอดๆ อยากๆ

- Motel อันนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับที่พักแบบอินน์ แต่อาจจะสบายกว่านี๊ดนึง ต่างกันตรงที่โมเต็ลเนี่ยไม่มีอาหารบริการ เรียกว่าเอาไว้ซุกหัวนอนจริงๆ

- Lodge ทีพักแบบนี้มักจะพบตามแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นภูเขา เป็นที่พักที่อยู่สบาย ส่วนใหญ่จะมีเตาผิงเอาไว้ในห้องด้วยสำหรับเวลาอากาศหนาว โรแมนติกซะไม่มีอ่ะ

- B&B(Bed & Breakfast) มักจะพบได้ตามชนบทของประเทศทางยุโรปและอเมริกา ส่วนใหญ่เป็นบ้านที่เจ้าของมีห้องเหลือนิดหน่อย เอามาทำเป็นที่พักรับรองนักเดินทาง แบบน่ารักๆ เช้าขึ้นมาคุณแม่ก็ลงมือปรุงอาหารให้กินกัน B&B มักจะมีห้องไม่เกิน 5-6 ห้องต่อที่ และส่วนใหญ่จะเก๋แอนด์อบอุ่นด้วย เนื่องจากเจ้าของก็ดูแลเอาใจใส่สุดฤทธิ์ ... ดีขนาดนี้ ถึงจะเล็กก็เล็กพริกขี้หนู ฉะนั้นอย่าได้หวังว่าที่พักแบบนี้จะราคาถูกนะ ฝันไปก่อน และถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบสัตว์เลี้ยงล่ะก็ เวลาจองขอให้ถามเจ้าของบ้านด้วยว่ามีหมา แมว หรือสัตว์เลี้ยงอะไรที่เขาปล่อยให้เดินเพ่นพ่านไปทั่วหรือเปล่า บอกไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

- Apartment อย่าคิดว่าหน้าตาเหมือนอพาร์ตเมนท์โทรมๆ แบบไทยๆ เชียว เพราะต่างประเทศเนี่ย ของเค้าดูดีอยู่สบาย มีหลายห้องทีเดียว เหมาะกับเวลาไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มหลายคน และใช้เวลาอยู่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ สู้ค่าโรงแรมดีๆ ไม่ไหว อพาร์ตเมนท์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่โอเคมากๆ มีให้เลือกตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน เช็คให้ดีๆ เพราะบางที่ให้อยู่เป็นอาทิตย์ได้ แต่บางที่บังคับให้พักเป็นเดือน

- Studio อันนี้เหมาะกับการไปอยู่แบบ long stay สุดๆ เพราะไม่มีให้เช่าเป็นรายวันนะ ขอบอก แต่เรื่องความชิค... หายห่วง เก๋สุดยอด ที่พักแบบนี้มักจะอยู่ในเมืองและในย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก๋ไก๋ไม่เป็นรองใคร อย่างย่านโซโหที่นิวยอร์ค Rive Gauche ที่แพรีส (ขอออกเสียงแบบมีจริตนิดนึงให้เหมาะกับสถานที่เค้า) ขนาดของห้องเนี่ยเท่ารูหนูหรือใหญ่กว่าเล็กน้อย อยู่ได้คนเดียว มากสุดก็ 2 คนแบบเบียดๆ ต้องรักกันจริง ไม่งั้นมีเคือง... การตกแต่งก็อื้อหือ หายห่วงอีกแหละ ถ้าจะไปอยู่ก็อย่าลืมแต่งตัวให้เข้ากับสถานที่ด้วยล่ะ เดี๋ยวอายเพื่อนข้างห้อง

อยากจะอยู่แบบไหนก็เช็คให้แน่ใจก่อนว่า ที่พักแบบต่างๆ หมายความถึงอะไรกันแน่ และทางที่ดี ควรเห็นรูปก่อนเพื่อ confirm สภาพ จะดีมาก

เสียเงินไปเที่ยวทั้งที ไม่ควรจะเสียอารมณ์ด้วย จริงไหม

ข้อมูลจาก http://www.chicministry.com

วิธีจัดกระเป๋าเดินทาง ขั้นเทพ

เวลาที่สาวๆ หลายคนจัดกระเป๋าไปเที่ยว อาจจะเคยเจอคำถามที่ว่า .. “จะไปเที่ยว” หรือ “ย้ายบ้าน” คำถามทรมานจิต ความพะรุงพะรังก็ทำพิษขณะท่องเที่ยว จัดกระเป๋าเดินทางแต่ละที คิดไม่ตก ไอ้นู่นก็ต้องพก ไอ้นี่มีไว้ก็อุ่นใจ อะไรก็ขาดไม่ได้ไปซะหมด ยัดกันจนซิปปริ ลอง วิธีจัดกระเป๋าเดินทาง ขั้นเทพ ตามนี้..
tips for luggage ภาพจาก http://www.travistravelgear.com/

1. จดรายการของที่จำเป็น
โดยคำนึงถึงสถานที่เที่ยวที่จะไป เช่น ถ้าไปแบบสมบุกสมบัน อุปกรณ์บางอย่างอาจมีไม่พร้อมเหมือนนอนโรงแรมทั้งหลาย เช่น ไปป่าหน้าหนาวจะถามหาผ้าห่มจากที่ไหน หรือ ถ้าเข้าป่าแล้วต้องพกน้ำหอม ก็แนะนำให้นอนหอมอยู่ที่บ้าน

2. หนักบน เบาล่าง
กางเกงตัวเดียวเข้ากับเสื้อได้สารพัด แต่ถ้าต้องมีเปียก มีเลอะ เผื่อชุดที่ต้องเปรอะติดไปด้วย หรือ ถ้าต้องพกชุดสวย-หล่อ ใส่งานเลี้ยงตอนเย็น ก็ควรเป็นชุดที่ผ้าไม่ยับง่าย ถ้าเป็นสูทไม่ควรใส่กระเป๋าอย่างยิ่ง นอกจากจะกินพื้นที่แล้วยังยับไม่มีดีซะด้วย

3. รองเท้าคู่ใจ
เลือกรองเท้าคู่โปรดที่ใส่ได้ทุกสถานการณ์ ลองให้เข้ากับชุด จะใส่กับชุดไหนก็หล่อ-สวย ช่วยประหยัดเนื้อที่ได้เยอะหากไม่ต้องยัดลงไปในกระเป๋า แต่ถ้าเป็นแตะบางๆ เบาๆ ก็พอแทรกพื้นที่ตามซอกหลืบได้สบาย

4. ล้านแปดเครื่องประทินผิวกรณีสำหรับคนที่ดูแลตัวเองจัด งัดครีมไปทั้งบ้าน ให้ถ่ายครีมเหล่านั้นลงขวดไซส์เล็กสำหรับเดินทาง เดี๋ยวนี้หาซื้อง่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป แล้วแพ็ครวมกันใส่กระเป๋าเล็กๆ เพื่อความสะดวกตอนใช้ (บางคนจัดมาจัดไป กระเป๋าครีมใหญ่กว่ากระเป๋าเดินทางอิ๊กกกก)

5. ลำดับความสำคัญ – ไล่จัดของตามวัน เสื้อผ้าที่ใส่วันสุดท้ายอยู่ล่างสุด ของที่จำเป็นต้องหยิบเข้า-ออกบ่อย เช่น หนังสือเดินทาง กระเป๋าสตางค์ เอกสารสำคัญ ให้อยู่บนสุดหรืออยู่ตามช่องที่หยิบได้ง่าย

6. ม้วนดีที่สุด – เปลี่ยนจากการพับ เป็นการม้วนให้เล็กที่สุด วิธีนี้จะช่วยประหยัดพื้นที่ และไม่ทำให้เสื้อผ้ายับยู่ยี่ด้วย


หรืออ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.travistravelgear.com/uncategorized/luggage-packing-tips/